เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง ตามที่ปรากฏการนำเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชน รวมถึงแถลงการณ์จากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคประชาสังคม และองค์กรสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ในห้วงวันที่ 17 – 18 พฤศจิกายน 2568 โดยมีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ทหารพรานไทย จำนวน 7 นาย ได้กระทำการหน่วงเหนี่ยวกักขัง ทำร้ายร่างกาย ปล้นทรัพย์ และล่วงละเมิดทางเพศแรงงานชาวกัมพูชา ณ บริเวณชายแดนจังหวัดพระตะบอง นั้น
พล.ต. วินธัย ชี้แจงข้อว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยันได้ชัดเจนว่าเป็นข่าวปลอม (Fake News) ซึ่งทันทีที่ปรากฏข่าวดังกล่าว ฝ่ายไทยได้สั่งการให้หน่วยทหารที่รับผิดชอบพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ติดกับจังหวัดพระตะบอง ได้แก่ กองกำลังบูรพา (จังหวัดสระแก้ว) และประสานงานร่วมกับ กองทัพเรือ (จังหวัดจันทบุรี และ จังหวัดตราด) ดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน โดยสอบสวนทหารพรานและชุดปฏิบัติการลาดตระเวนทุกชุดที่ปฏิบัติหน้าที่ในคืนวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 (ตามเวลาที่ถูกกล่าวหา) ผลปรากฏว่าไม่พบเหตุการณ์ตามที่ถูกกล่าวหา และ ไม่มีการตรวจพบหรือจับกุมกลุ่มแรงงานต่างด้าวจำนวน 13 คน ในวันและเวลาดังกล่าวแต่อย่างใด


ข้อสังเกตต่อขบวนการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร (Information Operation) โดยกองทัพบกมีความกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อรูปแบบการนำเสนอข่าวและท่าทีของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งส่อเจตนาถึงกระบวนการปฏิบัติการข่าวสาร ที่มีการเตรียมการและประสานงานกันอย่างผิดสังเกต ทั้งในด้านความสอดประสานของเวลา โดยมีการออกแถลงการณ์โจมตีฝ่ายไทยอย่างพร้อมเพรียงจากหลายหน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงแรงงานฯ กระทรวงวัฒนธรรมฯ สหภาพแรงงาน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (CHRC) ภายในระยะเวลาเพียง 1-2 วัน
นอกจากนี้ ยังปรากฏการผลิตซ้ำชุดข้อมูลเดิม โดยทุกแถลงการณ์ใช้ข้อมูลเดียวกัน ซึ่ง ยังไม่ผ่านการพิสูจน์ข้อเท็จจริงร่วมกัน แต่กลับด่วนสรุปกล่าวโทษไทยและอ้างกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อมุ่งทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลก ที่สำคัญ ฝ่ายกัมพูชาใช้วิธี ตัดตอนพยานหลักฐาน โดยอ้างว่าเหยื่อถูกปล่อยตัวกลับประเทศแล้ว จึงค่อยมาแจ้งเหตุ ทำให้ฝ่ายไทยไม่สามารถตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุหรือพิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้ในทันที ซึ่งผิดวิสัยการปฏิบัติงานชายแดนปกติ ที่ต้องมีการประสานข้อมูลกันอย่างใกล้ชิด
กองทัพบกขอยืนยันว่า ทหารพรานไทยยึดถือระเบียบวินัยและเคารพหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด การกล่าวหาทหารไทยในเรื่อง ข่มขืน รีดไถ ทุบตี อาจเป็นเพียงการให้ข้อมูลเท็จของบุคคลที่ทำทีเป็นผู้เสียหาย ที่มีลักษณะมีกลุ่มกระบวนการคอยใส่ร้ายป้ายสีคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง มีการแบ่งหน้าที่กันทำ เป็นการสมคบคิดกันจัดฉากใส่ร้ายทหารไทย ทั้งนี้อาจเพียงเพื่อต้องการจะเบี่ยงเบนประเด็นความสนใจเรื่อง ทุ่นระเบิด และ เรื่อง Cyber Scam ที่กำลังถูกจับจ้องจากนานาชาติและสังคมโลก
สำหรับกรณีที่รองโฆษกกระทรวงมหาดไทยกัมพูชาระบุว่า คำชี้แจงของไทยคือการบิดเบือนนั้น ขอเรียนว่า ความจริงต้องพิสูจน์ด้วยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่การระดมออกแถลงการณ์โจมตีฝ่ายเดียว การด่วนสรุปโดยไม่ผ่านกลไกทวิภาคีใดๆ สะท้อนให้เห็นถึงเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์


อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยคงจะไม่ยอมรับการกระทำอันใดที่ยังมีลักษณะเข้าข่ายถึงความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันในลักษณะเช่นนี้ และขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาได้มีความซื่อตรง แสดงความจริงใจต่อการแก้ปัญหา และยุติการใช้กลไกของรัฐมาสร้าง และสนับสนุนการสร้างเรื่องราวที่เป็นเท็จ เพื่อใช้หลอกลวงนานาชาติและสังคมโลก

















