รัฐบาลไทย เดินหน้าแผนเจรจา ดึงช้าง ทูตสันถวไมตรี กลับ สู่แผ่นดินแม่ สำหรับ ภารกิจครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อ นำช้างทั้งสองเชือกกลับคืนสู่ประเทศไทย ท่ามกลางความห่วงใยด้านสวัสดิภาพสัตว์ โดยที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคลัมโบ ได้ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด มอบความช่วยเหลือด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ และเน้นย้ำให้ศรีลังกาดูแลช้างไทยตามหลักสวัสดิภาพสัตว์อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง การเตรียมการเจรจาครั้งนี้จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยที่จะพาน้องช้างกลับบ้านโดยเร็วที่สุด
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เตรียมจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางช่วยเหลือและเตรียมการเจรจากับรัฐบาลศรีลังกา เกี่ยวกับช้างไทยทูตสันถวไมตรี 2 เชือก โดยที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคลัมโบ ได้ติดตามดูแลช้างทั้งสองอย่างใกล้ชิด จัดอบรมเจ้าหน้าที่ศรีลังกาเรื่องการดูแลช้าง และมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลสัตว์ที่ดูแลช้างไทย โดยไทยยังคงย้ำให้ศรีลังกาดูแลช้างไทยตามหลักสวัสดิภาพสัตว์อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง
เบื้องต้นจากการติดตาม พบว่าช้าง 2 เชือกมีการนำไปใช้งาน และเริ่มมีปัญหาสุขภาพ แต่อาจจะแสดงอาการน้อยกว่าพลายศักดิ์สุรินทร์ ซึ่งการเดินทางของทีมสัตวแพทย์รอบนี้จะทำให้ประเมินสุขภาพได้มากขึ้น เพราะถ้าช้างไม่ได้รับการดูแลที่ดีจะมีช่องทางกลับมารักษาตัวในไทย
หากการเจรจาได้ผลดี จะใช้โมเดลเดียวกับการนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับไทยในปี 2566 ที่ต้องมีการเตรียมทั้งควานคนไทย สัตวแพทย์จากสถาบันคชบาลแห่งชาติ และกระบวนการต่างๆ ซึ่งมีรายละเอียดที่ต้องคุยกัน
สำหรับพลายประตูผา อายุ 51 ปี ถูกส่งไปเมื่อปี 2523 อาศัยที่วัดสุธุฮุมโปลลา เมืองแคนดี้ ส่วนพลายศรีณรงค์ อายุ 29 ปี ถูกส่งไปเมื่อปี 2544 อาศัยอยุ่ที่วัด kelaniya เมือง Rattanapura ช้างทั้ง 2 เชือก อยู่ห่างกันระยะทาง 105 กม.
ข้อมูลจากกรมอุทยานแห่งชาติ พบว่าตั้งแต่ก่อนปี 2544-2559 มีช้างไทย 20 เชือกที่ถูกส่งไปอยู่ต่างแดนใน 5 ประเทศคือ ศรีลังกา เดนมาร์ก ญี่ปุ่น สวีเดน ออสเตรเลีย

หน่วยงานที่ตรวจสอบ
กองประมวลและวิเคราะห์ข่าว กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
ขอบคุณที่มาจาก : ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม




















