กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 11 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ภูเก็ต ตรัง และสตูล เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง ดินโคลนถล่ม และอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำเก็บกักมากกว่าร้อยละ 80 เสี่ยงน้ำล้น ส่งผลกระทบบริเวณท้ายน้ำ 4 จังหวัด ได้แก่ ระนอง สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และกระบี่ ในช่วงวันที่ 17 – 22 พ.ย. 2568
โดยจัดทีมปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง วางแผนเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบจากเหตุอุทกภัยให้ได้มากที่สุด รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนภัยจากทางราชการอย่างเคร่งครัด
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) มีประกาศฉบับที่ 30/2568 เรื่องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้ โดยระบุว่าจากการติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบว่า จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ บริเวณภาคใต้ โดยมีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ในช่วงระหว่างวันที่ 17 – 22 พฤศจิกายน 2568 แยกเป็น
พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินโคลนถล่ม ในพื้นที่ภาคใต้ 11 จังหวัด ได้แก่
- จังหวัดชุมพร (อำเภอสวี อำเภอทุ่งตะโก อำเภอพะโต๊ะ อำเภอละแม และอำเภอหลังสวน)
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอชัยบุรี อำเภอพระแสง อำเภอเวียงสระ อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอตอนสัก อำเภอบ้านนาสาร อำเภอท่าฉาง อำเภอเกาะสมุย และอำเภอเกาะพงัน)
- จังหวัดนครศรีธรรมราช (อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอชะอวด อำเภอหัวไทร อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอปากพนัง อำเภอพระพรหม อำเภอสิชล อำเภอนบพิตำ อำเภอท่าศาลา อำเภอขนอม และอำเภอช้างกลาง)
- จังหวัดพัทลุง (อำเภอกงหรา อำเภอตะโหมด อำเภอป่าบอน อำเภอศรีนครินทร์ อำเภอศรีบรรพต และอำเภอป่าพะยอม)
- จังหวัดสงขลา (ทุกอำเภอ)
- จังหวัดปัตดานี (ทุกอำเภอ)
- จังหวัดยะลา (ทุกอำเภอ)
- จังหวัดนราธิวาส (ทุกอำเภอ)
- จังหวัดภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
- จังหวัดตรัง (อำเภอเมืองตรัง อำเภอห้วยยอด อำเภอนาโยง อำเภอปะเหลียน และอำเภอย่านตาขาว)
- จังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตูล อำเภอควนโดน อำเภอควนกาหลง และอำเภอท่าแพ)
พื้นที่เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก บริเวณภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่
- จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ ส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ
พื้นที่เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ
- บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำหลังสวน แม่น้ำตาปี คลองชะอวด คลองลำ คลองท่าแนะ แม่น้ำตรัง แม่น้ำปัตตานี และแม่น้ำสายบุรี
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสาน 13 จังหวัดภาคใต้ และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี เขต 12 สงขลา และเขต 18 ภูเก็ต ให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักบางพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ โดยได้กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ใน 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง เพื่อลดผลกระทบจากเหตุอุทกภัยให้ได้มากที่สุด
พร้อมกันนี้ให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย และพร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีหากเกิดสถานการณ์ขึ้น ตลอด 24 ชั่วโมง และขอให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด



















