Home ข่าวบันเทิง เจ้าของนาฬิกาหรูรวมตัวร้อง หลังถูกหลอกซื้อก่อนฉวยโอกาสขอเลขพัสดุฉกสินค้าตัดหน้าเสียหายหลาย10ล้าน

เจ้าของนาฬิกาหรูรวมตัวร้อง หลังถูกหลอกซื้อก่อนฉวยโอกาสขอเลขพัสดุฉกสินค้าตัดหน้าเสียหายหลาย10ล้าน

51
0

อินฟลูฯชื่อดังพร้อมกลุ่มผู้เสียหายกว่า10ราย เข้าขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด ตามล่าตัวโจรก่อเหตุขอซื้อนาฬิกาหรู ก่อนฉวยโอกาสฉกเผ่นหนี เสียหายหลาย 10 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2567 ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์เพจสายไหมต้องรอด น.ส.นฤชล หรือดรีม นฤชาญภัทรัฐ อายุ 29 ปี หรือ Dreamnachon อินฟลูเอนเซอร์ และเซเลป แฟชั่นไลฟ์สไตล์ชื่อดัง เจ้าของธุรกิจขายนาฬิกา พร้อมกลุ่มผู้เสียหาย รวม 9 คน เดินทางมาขอความช่วยเหลือ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ

ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กรณีถูกมิจฉาชีพหลอกซื้อนาฬิกาหรูก่อนฉวยโอกาสขอเลขแทร็คกิ้งส่งไรเดอร์รับสินค้าจากขนส่งมีผู้เสียหายหลายราย

น.ส.นฤชล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้โพสต์ขายนาฬิกาโรเล็กซ์ เรือนทอง รุ่นเดย์เดท36 ซีรี่ นัมเบอร์ w409336 ราคา 830,000 บาทในกลุ่มเฟซบุ๊กซื้อ-ขายนาฬิกา โดยโพสต์ต่อมาวันที่ 13 มี.ค.ช่วงกลางคืนมีชายอ้างชื่อว่านายธนกฤต โทรศัพท์มาบอกว่าอยู่ที่เชียงใหม่ สนใจนาฬิกา

และต่อรองราคาจนเป็นที่พอใจกัน ในราคา 800,000 บาท ซึ่งปกติที่ขายนาฬิกาทุกครั้งจะมีการนัดรับของกันตลอด เมื่อเช็คของเสร็จแล้วโอนเงินทันที แต่พอช่วงเช้าคนร้ายได้โทรมาอีกครั้ง อ้างว่าอยู่ไกล จึงได้บอกไปว่าสามารถไปส่งของให้ได้ โดยนั่งเครื่องไปส่งให้ แต่ขอวางเงินมัดจำ 2,000-3,000 บาท

เพื่อเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน เมื่อไปถึงจะหักรวมค่านาฬิกาคืนให้ โดยชายดังกล่าวทำเหมือนกลัวจะไม่ได้ของ และบอกให้ตนส่งของไปให้แทน ซึ่งตนก็ไม่โอเคกับการใช้ขนส่ง เนื่องจากของมีมูลค่าสูง ตนจึงบอกว่าจะทำเอกสาร เพื่อเซ็นรับทราบ หากเกิดกรณีสิ่งของเสียหายจากทางขนส่ง ตนจะไม่รับผิดชอบด้วย ซึ่งทางชายดังกล่าวก็ตกลง

น.ส.นฤชา กล่าวอีกว่า จากนั้นชายดังกล่าวก็พยายามถามว่าจะไปส่งของที่ไหน โดยคนร้ายบอกว่าอยากให้ส่งกับขนส่งกับบริษัทแห่งหนึ่ง ที่สาขาจันทน์16 โดยอ้างว่ามีพนักงานที่รู้จักกันที่สาขาเชียงใหม่ และถามย้ำว่าตนจะไปส่งที่สาขาไหน และไม่ให้ตนส่งสาขาเฟรนไชน์ด้วย จากนั้นตนจึงส่ง

ข้อความไปบอก ว่าจะไปที่ไหน เพื่อความสบายใจของลูกค้า พร้อมกับส่งพิกัดไปให้ ต่อมาคนร้ายเริ่มอยากรู้ว่า ตนจะไปส่งของให้กี่โมง พร้อมกับบอกว่าเมื่อตนไปถึง ให้วีดีโอคอลตอนแพ็คสินค้าส่งให้ดู ซึ่งคนร้ายทำทีว่าไม่อยากให้พนักงานขนส่งสงสัยสิ่งของด้านใน และให้ตนออกมาด้านนอก

และให้บอกว่าเป็นการส่งครีม กระทั่งตนนำสินค้าส่งเข้าระบบ และคนร้ายก็ขอเลขพัสดุ อ้างว่าต้องตรวจเช็คว่าสินค้าถูกส่งจริง ตนจึงแจ้งเลขพัสดุไปให้ ซึ่งวันดังกล่าวตนมีผู้ติดตามไปด้วย จากนั้นเริ่มทำทีว่าของยังไม่เข้าระบบ ขอรอให้สินค้าเข้าระบบก่อน และบอกว่าระหว่างนี้ “ผมจะโอนเงินสดให้

ก่อน 1 แสนบาท” แล้วให้ตนไปที่ตู้เอทีเอ็มแบบไม่ใช้บัตร ซึ่งตนทราบเวลาตัดรับของขนส่งว่าจะมารับของเวลา 16.30 น.ซึ่งขณะเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาบ่าย 3 โมงกว่า ตนจึงคิดว่าหากผู้ก่อเหตุยังไม่โอนเงินมา ก็สามารถเดินกลับมาตัดของออกจากระบบได้ ซึ่งตนไม่ได้ไว้ใจโจร เมื่อขับรถไปธนาคารซึ่งอยู่ไม่

ไกลมาก ประมาณ 1 กิโลฯ กดรหัสไม่ผ่านจึงรีบกลับมาที่ขนส่ง และแจ้งกับพนักงานว่าจะขอตัดของออกจากระบบ โดยพนักงานก็ตอบตกลง จนกระทั่งช่วงที่ตนยืนอยู่บริเวณหน้าร้านขนส่ง ทางคนร้ายพยายามโทรเข้ามา เพื่อขอเปลี่ยนบัญชีธนาคาร ซึ่งเพื่อนตนยืนอยู่ภายในร้าน เดินออกมาบอกว่า

มีแมสเซนเจอร์มารับของออกไปแล้ว ตนจึงเข้าไปสอบถาม กับพนักงานขนส่งว่าปล่อยของออกไปได้อย่างไร ในเมื่อตนยังอยู่ตรงนี้ โดยพนักงานขนส่งบอกว่า แมสเซนเจอร์เข้ามารับไป ตั้งแต่ช่วงที่ตนเดินออกไปธนาคาร จากนั้นตนจึงไปแจ้งความที่สน.ยานนาวา และไปไล่กล้องวงจรปิดรอบขนส่งดู

เนื่องจากที่ขนส่งไม่มีกล้อง เป็นสาขาเพิ่งเปิดใหม่ ซึ่งคนร้ายใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ทั้งนี้ตนตั้งคำถามว่าทำไมขนส่งไม่ขอดูบัตรประชาชนของผู้รับของไป และไม่ได้รับติดต่อจากบริษัทต้นสังกัดอย่างใด จากนั้นไม่กี่วัน ขนส่งสาขานี้ก็ปิดตัวเองไป หลังจากนั้นตนจึงรวมกลุ่มผู้เสียหายรายอื่นๆ และพบว่าหลัง

จากที่ตนถูกหลอกยังมีผู้เสียรายอื่นโดนหลอกแทบทุกวันด้วย โดยบางรายโดนตั้งแต่ปี66 แต่ทางขนส่งไม่มีการติดประกาศ หรือเตือนพนักงาน ให้ระมัดระวังมิจฉาชีพเหล่านี้ เบื้องต้นตนมีการประสานงานกับตำรวจอย่างต่อเนื่อง และไปแจ้งความที่กองปราบแล้ว

นอกจากนี้สำหรับผู้เสียหายรายอื่นๆ ก็ถูกหลอกลักษณะเดียวกัน ซึ่งครั้งล่าสุดคือวันที่ 15 มิ.ย. โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่ จะถูกหลอกขนส่งเอกชน (สีแดง) ส่วนผู้ก่อเหตุทราบจากตำรวจว่า ตัวอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน และคาดว่าทำเป็นขบวนการ พฤติการส่วนใหญ่จะใช้รูปเฟซบุ๊กปลอมในการหลอก

และอีกกรณีผู้เสียหายรายหนึ่ง ต้องการขายโทรศัพท์มือถือไอโฟน คนร้ายอ้างว่าต้องส่งรูปบัตรประชาชนยืนยัน จากนั้นทางมิจฉาชีพก็ใช้วิธีการเดิมในการหลอกขอเลขพัสดุ และเข้าไปรับของออกจากขนส่ง ต่อมามิจฉาชีพกลับนำบัตรประชาชน และรูปของผู้เสียหายไปหลอกลวงผู้อื่นต่ออีกทอด

ขอฝากถึง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.ให้ช่วยติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี เพื่อไม่ให้มีผู้เสียหายเกิดขึ้นอีก และขอให้ทางประชาชนระมัดระวังในการส่งของ รวมถึงอยากให้ทางขนส่งออกมารับผิดชอบ และเพิ่มมาตรการความปลอดภัย ให้รอบครอบมากขึ้นด้วย

เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here