สัญญาณมะเร็งไตจากผิวหนัง 4 อย่าง ที่ไม่ควรมองข้าม แพทย์เตือน! อย่ามัวแต่สังเกตปัสสาวะ
เมื่อพูดถึง “มะเร็งไต” หลายคนมักนึกถึงสัญญาณคลาสสิกอย่างอาการปัสสาวะเป็นเลือดหรืออาการปวดหลัง อย่างไรก็ตาม แพทย์ได้ออกมาเตือนว่ามะเร็งไตในระยะเริ่มต้น อาจแฝงมากับสัญญาณเงียบบางอย่างที่ปรากฏบนผิวหนัง ซึ่งคนส่วนใหญ่มักคาดไม่ถึง
ความผิดปกติในปัสสาวะถือเป็นสัญญาณสำคัญที่สุดในการตรวจหาโรคไต แต่การละเลยสัญญาณจากอวัยวะอื่น โดยเฉพาะผิวหนัง อาจทำให้การวินิจฉัยล่าช้า
นายแพทย์ ลู่ จินเหิง ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะจากไต้หวัน ย้ำว่า “ผิวหนังคืออวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย และมักสะท้อนสภาวะสุขภาพของอวัยวะภายในอย่างแม่นยำ การมุ่งเน้นแค่การตรวจปัสสาวะโดยละเลยสัญญาณจากผิวหนัง อาจนำไปสู่การวินิจฉัยที่ล่าช้าได้”
4 สัญญาณเตือน “มะเร็งไต” ที่ผิวหนัง
ต่อไปนี้คือ 4 สัญญาณความผิดปกติบนผิวหนัง ที่อาจกำลังเตือนถึงโรคมะเร็งไต หรือโรคไตในระยะรุนแรง ที่คุณควรสังเกต:
1. อาการคันผิวหนังเรื้อรัง ไม่ทราบสาเหตุ
อาการคันเป็นอาการทั่วไปที่มักเกิดจากภูมิแพ้หรือโรคผิวหนัง แต่หากคุณมีอาการคันทั่วร่างกายอย่างต่อเนื่องยาวนาน ไม่ตอบสนองต่อยาแก้คันทาภายนอก และไม่มีสาเหตุชัดเจน (เช่น ผื่น หรือลมพิษ) นี่อาจเป็นสัญญาณของภาวะไตวาย
เมื่อการทำงานของไตลดลงจากก้อนมะเร็งที่กดทับหรือลุกลาม สารพิษ โดยเฉพาะยูเรียและฟอสเฟต จะเกิดการสะสมในกระแสเลือดแทนที่จะถูกขับออก การสะสมนี้จะไปกระตุ้นปลายประสาทใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดอาการคันอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นอาการที่พบบ่อยในผู้ป่วยมะเร็งไตระยะลุกลามหรือผู้ป่วยไตวายรุนแรง
2. พบก้อนหรือตุ่มแข็งใต้ผิวหนัง
ในบางกรณีที่พบได้ไม่บ่อยแต่ถือเป็นอันตราย มะเร็งไตสามารถแพร่กระจาย (metastasize) มายังผิวหนังได้ ซึ่งมักเป็นสัญญาณของโรคในระยะลุกลาม
การแพร่กระจายของมะเร็งไตมายังผิวหนัง มักปรากฏเป็นตุ่มหรือก้อนขนาดเล็ก แข็ง อยู่ใต้ผิวหนัง อาจมีสีแดง ม่วง หรือสีเดียวกับผิวหนัง และมักไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด หากคุณสังเกตพบก้อนใต้ผิวหนังที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่และเติบโตอย่างรวดเร็ว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย

3. รอยช้ำหรือจุดเลือดออกใต้ผิวหนังผิดปกติ
ในบางครั้ง มะเร็งไตอาจส่งผลกระทบต่อระบบการแข็งตัวของเลือดในร่างกาย ทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่าย (แม้เพียงกระทบกระแทกเบาๆ) หรือปรากฏจุดเลือดออกเล็กๆ (petechiae) ใต้ผิวหนัง
เนื่องจากมะเร็งอาจปล่อยสารที่รบกวนการทำงานของเกล็ดเลือด หรือในทางกลับกัน หากก้อนมะเร็งผลิตฮอร์โมน EPO (Erythropoietin) มากเกินไป ก็อาจทำให้เลือดข้นหนืด ส่งผลต่อการไหลเวียนและก่อปัญหาที่ผิวหนังได้ อาการช้ำง่ายผิดปกติจึงเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงหลายชนิด
4. ผิวหน้าและผิวตัวมีสีเหลืองซีด หรือเทาคล้ำ
แม้ว่าผิวสีเหลืองมักทำให้นึกถึงโรคตับ แต่มะเร็งไตก็สามารถทำให้สีผิวเปลี่ยนแปลงผิดปกติได้เช่นกัน
เมื่อมะเร็งไตเติบโต อาจส่งผลรุนแรงต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงของร่างกาย นำไปสู่ภาวะโลหิตจาง เนื่องจากไตมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมน EPO ซึ่งกระตุ้นไขกระดูกให้สร้างเม็ดเลือดแดง เมื่อกระบวนการนี้ถูกรบกวน ภาวะโลหิตจางเรื้อรังจะทำให้ผิวหน้าและผิวตัวซีดจาง หรือเปลี่ยนเป็นสีเหลืองซีด (grayish-yellow) หรือเทาคล้ำคล้ายสีดินเหนียว
ดังนั้นนอกจากจะสังเกตความผิดปกติของปัสสาวะแล้ว การใส่ใจกับสัญญาณที่ผิวหนังก็เป็นสิ่งสำคัญ หากพบอาการเหล่านี้โดยไม่ทราบสาเหตุ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย เพราะการตรวจพบมะเร็งไตตั้งแต่เนิ่นๆ จะเพิ่มโอกาสในการรักษา















