เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา รับแจ้งจากโรงรับจำนำแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา หลังมีผู้หญิงสูงอายุพยายามนำสร้อยคอทองคำปลอมมาจำนำ เจ้าหน้าที่จึงเดินทางเข้าตรวจสอบ พบ นางแก้ว (นามสมมติ) อายุ 65 ปี กำลังนั่งรอที่หน้าเคาน์เตอร์

เจ้าหน้าที่โรงรับจำนำเผยว่า นางแก้วนำสร้อยคอทองคำ 1 เส้นมาขอจำนำ โดยอ้างว่ามีน้ำหนัก 2 บาท แต่เมื่อทำการตรวจสอบกลับพบความผิดปกติหลายจุด เริ่มจาก สีของทองไม่เป็นธรรมชาติ และเมื่อนำชั่งน้ำหนัก พบมีเพียง 18.64 กรัม ขณะที่ทองรูปพรรณหนัก 2 บาท ควรมีน้ำหนัก ประมาณ 30.32 กรัม นอกจากนี้ บริเวณห่วงของสร้อยยัง ไม่มีตราสัญลักษณ์ร้านทอง ซึ่งเป็นมาตรฐานของทองคำแท้ จึงประเมินว่าอาจเป็นทองปลอม
เมื่อถูกถามถึงที่มาของสร้อย นางแก้งให้การว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยนำสร้อยเส้นนี้มาจำนำหลายครั้งและไม่เคยมีปัญหา กระทั่งเมื่อประมาณ 1 ปีก่อน ตนไถ่ถอนกลับไปและเก็บไว้ในบ้านโดยไม่ได้สวมใส่ จนล่าสุดมีความจำเป็นต้องใช้เงิน จึงนำออกมาจำนำอีกครั้ง แต่กลับพบว่าทองแท้ที่เคยมี กลายเป็นทองปลอมเหมือนที่ขายตามตลาดนัด โดยไม่รู้ว่าถูกสับเปลี่ยนตั้งแต่เมื่อใด เพราะลวดลายเหมือนของจริงจนไม่ทันสังเกต

ตำรวจจึงแนะนำให้กลับไปตรวจสอบคนในบ้าน เนื่องจากที่ผ่านมานางแก้วเก็บสร้อยไว้ในลิ้นชัก และอาจมีบุคคลใกล้ชิดเข้าถึงได้ ขณะเดียวกัน ราคาทองคำปัจจุบันสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจเป็นแรงจูงใจให้มีการหยิบยืม หรือสับเปลี่ยนโดยผู้ที่อยู่ร่วมบ้าน ทั้งนี้ เบื้องต้น โรงรับจำนำไม่ได้แจ้งความเอาผิด เนื่องจากเชื่อว่านางน้อยไม่รู้ว่าทองถูกปลอมสับเปลี่ยน และเคยนำทองแท้มาจำนำที่นี่หลายครั้งโดยไม่เคยมีประวัติโกง
ด้านเจ้าหน้าที่เตือนประชาชนว่า ช่วงราคาทองพุ่งสูง ควรระวังการเก็บรักษาเครื่องประดับหรือทองคำแท่งให้มิดชิด เพื่อป้องกันการถูกลักลอบนำไปขายหรือสับเปลี่ยน โดยเฉพาะในบ้านที่มีหลายคนอาศัยร่วมกัน
                
		




















