Home ข่าว ข่าวสังคม เตือนด่วน! 25 จังหวัดจ่ออ่วม น้ำป่า น้ำหลาก ฝนหนักถล่มต่อเนื่อง 7-10 พ.ย. นี้

เตือนด่วน! 25 จังหวัดจ่ออ่วม น้ำป่า น้ำหลาก ฝนหนักถล่มต่อเนื่อง 7-10 พ.ย. นี้

182

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบว่าจะมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณประเทศไทยตอนบนและภาคใต้ โดย สทนช. ได้ประเมินและวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังระหว่างวันที่ 7-10 พฤศจิกายน 2568

สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 4 พ.ย. 68 เวลา 7.00 น.

1. สภาพอากาศวันนี้ ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออกเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ คาดการณ์ ช่วงวันที่ 5 – 6 พ.ย. 68 ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง กับมีอากาศเย็นในตอนเช้า แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 7 – 9 พ.ย. 68 ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง

พายุไต้ฝุ่น คัลแมกี บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนลงทะเลจีนใต้ตอนกลาง ในช่วงวันที่ 4–5 พ.ย. คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 6-7 พ.ย. จากนั้นมีแนวโน้มจะอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชัน

2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม ปริมาณน้ำรวม 88% ของความจุเก็บกัก (70,656 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 80% (46,534 ล้าน ลบ.ม.) การประเมินสถานการณ์แหล่งน้ำขนาดใหญ่

แหล่งน้ำขนาดใหญ่ปริมาณน้ำต่ำกว่าระดับควบคุมต่ำสุด จำนวน 1 แห่ง ภาคตะวันออก คลองสียัด

แหล่งน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำเก็บกักน้อยกว่า 30% จำนวน 22 แห่ง ดังนี้ ภาคเหนือ 3 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 แห่ง ภาคตะวันออก 6 แห่ง ภาคตะวันตก 7 แห่ง และภาคใต้ 2 แห่ง

3. ประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ

3.1. สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประกาศเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 7 – 10 พ.ย. 68 ดังนี้

3.1.1 พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ในพื้นที่ ภาคเหนือ บริเวณ จ.เชียงใหม่ ลำปาง สุโขทัย ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร และพิจิตร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ จ.เลย หนองบัวลำภู บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ และบุรีรัมย์ ภาคตะวันออก บริเวณ จ.ปราจีนบุรี และตราด ภาคตะวันตก บริเวณ จ.กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ และ ภาคใต้ บริเวณ จ.ชุมพร ระนอง และนราธิวาส

3.1.2 เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ซึ่งอาจมีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ

3.2. สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประกาศเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง ในช่วงวันที่ 6 – 13 พ.ย. 68

จากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง ประกอบกับมีฝนตกในบางพื้นที่ ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นและอาจไหลเข้าท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ รวมถึงชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรสงคราม ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนสูงเป็นประจำ

4. ข่าวประชาสัมพันธ์ วานนี้ (3 พ.ย. 68) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 15/2568

เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ(องค์การมหาชน) คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 8 – 10 พ.ย. 68 ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มขึ้นและจะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ จึงมีมติที่ประชุมให้หน่วยงานดำเนินการปรับแผนการระบายน้ำของเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ตามลำดับ ดังนี้

– วันที่ 5 พ.ย. 68 ปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็น 20 ล้าน ลบ.ม./วัน

– วันที่ 6 พ.ย. 68 ปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็น 25 ล้าน ลบ.ม./วัน

– วันที่ 7 พ.ย. 68 เป็นต้นไป จะปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำเป็น 30 ล้าน ลบ.ม./วัน

สำหรับการวางแผนจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งนี้ สทนช. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามประเมินปริมาณน้ำต้นทุนและความต้องการใช้น้ำ พร้อมคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ เพื่อจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนตามลำดับความสำคัญของกิจกรรมการใช้น้ำ รวมถึงการสำรองน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศในช่วงต้นฤดูฝน ปี 2569

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาการอนุญาตใช้น้ำประเภทที่สาม ของกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน 9 ราย สำหรับกิจกรรมการใช้น้ำเพื่อการผลิตไฟฟ้า เพื่อการประปา และเพื่อการอุตสาหกรรม โดยให้ สทนช. เสนอต่อ กนช. เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป