ไขดราม่า “ใจร้ายกับนายกจัง” วลี “จ๋า ธนนนท์” สู่ประเด็น Power Dynamics
กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง กรณีวลี “ทำไมใจร้ายกับท่านนายกฯ จังเลย เดี๋ยวต่อไป จะจำไว้แล้วนะ” ของ นางสาวธนนนท์ นิรามิษ หรือ คุณจ๋า ภริยานายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวกับสื่อมวลชนภายหลังการให้สัมภาษณ์ของนายกฯ แม้จะมาพร้อมน้ำเสียงที่ดูเหมือนเป็นการหยอกล้อก็ตาม

ประเด็นดังกล่าวถูกจุดขึ้นโดย นางสาวภคมน หนุนอนันต์ หรือ ลิซ่า สส. และรองโฆษกพรรคประชาชน ที่ออกมาแสดงความเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการใช้ “Power Dynamics” หรือความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ไม่เท่าเทียม เพื่อคุกคามการทำงานของสื่อมวลชน
“ลิซ่า ภคมน” ชี้คือการใช้ “Power Dynamics”
น.ส.ภคมน ได้โพสต์วิจารณ์ประเด็นนี้อย่างชัดเจน โดยระบุว่า “น้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยการคุกคาม” คือการใช้ Power Dynamic แม้ผู้พูดจะอ้างว่าเป็นการหยอกเล่น แต่ในฐานะภริยานายกรัฐมนตรี ซึ่งมี “อำนาจที่เหนือกว่า” การพูดในลักษณะ “จะจำไว้แล้วนะ” ถือเป็นการคุกคามการทำหน้าที่ตรวจสอบของสื่อ
เธออธิบายว่า Power Dynamics หมายถึง “ความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างสองฝ่าย” ซึ่งความไม่เท่าเทียมนี้ถูกนำมาใช้เพื่อกดขี่ฝ่ายที่มีอำนาจน้อยกว่า และแนะนำให้ น.ส.ธนนนท์ เรียนรู้ท่าทีที่ระมัดระวังและสุขุมกว่านี้ในฐานะสตรีหมายเลข 1 โดยไม่จำเป็นต้องมีบทร่วมทุกครั้ง
ทำความเข้าใจหลักจิตวิทยา “Power Dynamics” ในการสื่อสาร
ประเด็นนี้ทำให้คำว่า “Power Dynamics” ถูกพูดถึงอย่างมาก ในทางจิตวิทยาและสังคมศาสตร์ นี่คือแนวคิดสำคัญที่อธิบายถึงความสัมพันธ์ที่ฝ่ายหนึ่งมีอำนาจ อิทธิพล หรือสถานะที่สูงกว่าอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารอธิบายว่า ในบริบทที่มีความสัมพันธ์เชิงอำนาจไม่เท่าเทียม “สารเดียวกัน” สามารถถูกตีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น คำพูดที่อาจถูกมองว่าเป็นการ “หยอกล้อ” หากพูดระหว่างเพื่อนสนิท อาจถูกตีความว่าเป็น “คำเตือน” หรือ “การคุกคาม” ได้ หากผู้พูดอยู่ในสถานะที่สูงกว่ามาก

การตีความของผู้รับสาร
ในทฤษฎีการสื่อสาร น้ำหนักของคำพูดไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ส่งสารเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับการตีความของผู้รับสารด้วย เมื่อผู้รับสารตระหนักถึงความไม่เท่าเทียมเชิงอำนาจ พวกเขามักจะระมัดระวังในการตีความ “ความหมายที่ซ่อนเร้น” (Subtext) มากกว่าปกติ
การสื่อสารความก้าวร้าวแบบแฝง (Passive-Aggression)
อีกหนึ่งแนวคิดที่มักถูกหยิบยกมาอธิบายคือ “พฤติกรรมก้าวร้าวแฝง” (Passive-Aggressive Behavior) ซึ่งหมายถึงการแสดงความรู้สึกไม่พอใจหรือความขัดแย้งในทางอ้อม แทนที่จะสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา รูปแบบการแสดงออกอาจรวมถึง การใช้คำพูดประชดประชัน การพูดเล่นที่แฝงนัยตำหนิ หรือการแสดงออกทางสีหน้าที่ไม่สอดคล้องกับคำพูด ซึ่งมักสร้างความสับสนและความอึดอัดใจให้แก่ผู้รับสาร
สรุปประเด็นถกเถียง
กรณีดราม่า “ใจร้ายกับนายกจัง” จึงสะท้อนให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนของการสื่อสารในพื้นที่สาธารณะ โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีตำแหน่งและสถานะทางสังคมสูง ประเด็นนี้ได้ขยายวงกว้างไปสู่การถกเถียงว่า อะไรคือขอบเขตที่เหมาะสมระหว่างการแสดงออกส่วนตัว และการวางตัวในฐานะบุคคลสาธารณะที่อยู่ภายใต้การตรวจสอบของสื่อและประชาชน



















