Home ข่าว ข่าวสังคม สมเด็จพระพันปีหลวง กับ 8 ชุดไทยพระราชนิยม พระอัจฉริยภาพด้านวัฒนธรรม

สมเด็จพระพันปีหลวง กับ 8 ชุดไทยพระราชนิยม พระอัจฉริยภาพด้านวัฒนธรรม

22

สมเด็จพระพันปีหลวง กับ 8 ชุดไทยพระราชนิยม พระอัจฉริยภาพด้านวัฒนธรรมและการแต่งกาย มรดกของชาติที่สง่างามเหนือกาลเวลา
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีบทบาทสำคัญยิ่งด้านศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะการอนุรักษ์และพัฒนาเครื่องแต่งกายประจำชาติไทยให้สง่างาม เหมาะสมกับกาลเทศะ และคงเอกลักษณ์ไทยไว้อย่างครบถ้วน

พระองค์ทรงริเริ่มปรับปรุงชุดไทยพระราชนิยมจากการนุ่งห่มดั้งเดิมที่มีขั้นตอนซับซ้อน ให้เป็น ชุดไทยแบบสำเร็จรูป (Ready-to-Wear) ใช้ซิปหรือกระดุมซ่อนแทนการพันผ้า ทำให้สวมใส่สะดวกขึ้นโดยไม่ละทิ้งความอ่อนช้อย สร้างมาตรฐานที่ใช้สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน

ความเป็นมาของ 8 ชุดไทยพระราชนิยม
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระเสาวนีย์ให้ หม่อมหลวงมณีรัตน์ บุนนาค พระญาติสนิทและนางสนองพระโอษฐ์ ไปพบผู้ที่มีความรู้ทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และประเพณี คือ ศาสตราจารย์พระยาอนุมานราชธน และอาจารย์สมศรี สุกุมลนันทน์ บุตรสาว ซึ่งในเวลานั้นเป็นอาจารย์หัวหน้าแผนกผ้าและการแต่งกายอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพฯ เพื่อช่วยกันค้นคว้าเรื่องการแต่งกายแบบไทยสมัยต่างๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการออกแบบฉลองพระองค์ชุดไทยให้สวยงาม และคงเอกลักษณ์แบบเดิมไว้

หลังจากมีพระราชวินิจฉัยเห็นชอบในแบบต่างๆ แล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตัดเย็บเป็นฉลองพระองค์ต้นแบบไว้ สะท้อนให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพ ในการสร้างสรรค์และสืบสานธรรมเนียมการแต่งกาย ที่แสดงถึงเอกลักษณ์ไทยผสมผสานธรรมเนียมการแต่งกายของสตรีไทยในราชสำนักสมัยโบราณ ให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันได้อย่างเหมาะสมแก่วาระโอกาสต่างๆ

ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นผู้นำในการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมการแต่งกาย ตามแบบประเพณีไทย รวมทั้งความงดงามของผ้าไทย ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกด้วยพระองค์เอง

การออกแบบฉลองพระองค์ชุดไทยในช่วงแรกนั้นมีหลายแบบ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชวินิจฉัยและทรงแนะนำ ให้ปรับปรุงพัฒนารูปแบบให้สวยงาม เหมาะแก่โอกาสและสถานที่ เดิมทรงพระราชดำริไว้ 5 แบบ ต่อมาทรงพระราชดำริเพิ่มเติมอีก 3 แบบ รวมเป็น 8 แบบ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ หม่อมหลวงมณีรัตน์ บุนนาค เป็นผู้ตั้งชื่อชุดไทยทั้งหมด

โดยหม่อมหลวงมณีรัตน์ บุนนาค ได้นำชื่อพระที่นั่ง พระตำหนัก สถานที่สำคัญต่างๆ ในพระบรมมหาราชวัง และในพระราชวังดุสิต มาใช้ขนานนามชุดไทยพระราชนิยม ทั้ง 8 แบบ ดังนี้ ชุดไทยเรือนต้น,ชุดไทยจิตรลดา, ชุดไทยอมรินทร์, ชุดไทยบรมพิมาน, ชุดไทยจักรี, ชุดไทยดุสิต, ชุดไทยจักรพรรดิ์ และ ชุดไทยศิวาลัย

1.ชุดไทยจักรี
ตั้งชื่อตามพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ลักษณะเด่นคือห่มสไบเฉียงเปิดไหล่หนึ่งข้าง ท่อนล่างเป็นผ้านุ่งจีบ ใช้ผ้าไหมยกทองทั้งตัวหรือยกเฉพาะเชิง เหมาะสำหรับงานพิธีกลางคืน เพิ่มความหรูหราด้วยเข็มขัดและเครื่องประดับไทย

2. ชุดไทยอมรินทร์
ตั้งชื่อตามพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน ใช้ในงานพระราชพิธีและงานช่วงค่ำ โครงสร้างคล้ายชุดไทยจิตรลดา แต่ใช้ผ้าไหมยกทองหรือยกเงินทั้งตัว เสื้อแขนยาว คอตั้ง เช่นเดียวกับไทยจิตรลดา ความงามอยู่ที่เนื้อผ้าและเครื่องประดับที่เหมาะสมกับงาน

3. ชุดไทยเรือนต้น
ตั้งชื่อตามพระตำหนักเรือนต้นในพระราชวังดุสิต เป็นชุดลำลองสุภาพ ใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าไหม นุ่งป้ายยาวจรดข้อเท้า เสื้อคอกลม แขนสามส่วน ผ่าอก ดุมห้าเม็ด เหมาะกับโอกาสไม่เป็นทางการ เช่น ไปวัดหรืองานมงคลทั่วไป

4. ชุดไทยบรมพิมาน
ตั้งชื่อตามพระที่นั่งบรมพิมาน ใช้ในงานพระราชพิธีและงานค่ำ เสื้อแขนยาว คอกลมมีขอบตั้ง ตัวเสื้อและซิ่นติดกันเป็นชุดเดียว นุ่งจีบ ใช้ไหมยกทองหรือผ้ามีเชิง คาดเข็มขัด เหมาะกับงานเต็มยศและงานทางการ

5. ชุดไทยจักรพรรดิ
ตั้งชื่อตามพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เป็นชุดพิธีเต็มยศช่วงค่ำ ท่อนบนห่มสองชั้น ชั้นในเป็นสไบจีบและห่มสะพักทับ ท่อนล่างนุ่งยกทองจีบแบบจักรี คาดเข็มขัดและเครื่องประดับครบชุด เหมาะกับพิธีสำคัญระดับชาติ

6. ชุดไทยศิวาลัย
ตั้งชื่อตามสวนศิวาลัย ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โครงสร้างคล้ายบรมพิมาน แต่ห่มสะพักปักทับเสื้ออีกชั้นหนึ่ง เพิ่มชั้นเชิงและความหรูหรา เหมาะกับงานพระราชพิธีและงานเต็มยศ

7. ชุดไทยจิตรลดา
ตั้งชื่อตามพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ใช้ในพิธีกลางวัน โทนสุภาพเรียบเนี้ยบ คอเสื้อมีขอบตั้ง แขนยาว ท่อนล่างเป็นผ้าไหมยกดอกมีเชิงหรือยกทั้งตัว ตกแต่งเครื่องประดับตามความเหมาะสม

8. ชุดไทยดุสิต
ตั้งชื่อตามพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นชุดราตรีแบบไทยสำหรับพิธีเต็มยศช่วงค่ำ เสื้อคอกว้าง ไม่มีแขน ท่อนล่างนุ่งจีบ ใช้ผ้ายกไหมหรือยกทอง อาจปักดิ้นเงิน ดิ้นทอง หรือประดับลูกปัดตามระดับงาน

พัฒนาการสู่ Ready-to-Wear
หัวใจของชุดไทยพระราชนิยม คือการผสานความเป็นไทยกับความร่วมสมัยให้ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันและงานพิธี การปรับสู่แบบสำเร็จรูปช่วยให้ทุกคนสวมใส่ได้สะดวกขึ้น โดยยังรักษาโครงสร้างและสัดส่วนอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยไว้อย่างครบถ้วน

เสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรม
ปัจจุบัน ชุดไทยพระราชนิยม 8 แบบ อยู่ระหว่างการเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติโดย UNESCO คาดว่าจะพิจารณาในปี 2569 ขณะเดียวกัน ประเทศไทยได้ขึ้นบัญชีเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับชาติแล้วตั้งแต่ปี 2566

ชุดไทยพระราชนิยม คือมาตรฐานเครื่องแต่งกายไทยที่ผสานรากเหง้า วัฒนธรรม และความร่วมสมัยให้สวมใส่ได้จริงอย่างสง่างาม ทั้ง 8 แบบครอบคลุมตั้งแต่ชุดลำลองสุภาพจนถึงพิธีเต็มยศ ช่วยให้เลือกแต่งให้เหมาะกับกาลเทศะได้อย่างมั่นใจ