Home ข่าว สุขภาพ เกิดมาเพิ่งรู้!! แค่กินสิ่งนี้ 1 ช้อนก่อนนอน “หยุดกรน” หลับหายใจโล่ง ไม่รบกวนคนข้างๆ

เกิดมาเพิ่งรู้!! แค่กินสิ่งนี้ 1 ช้อนก่อนนอน “หยุดกรน” หลับหายใจโล่ง ไม่รบกวนคนข้างๆ

4

รู้หรือไม่ว่า…. กินน้ำผึ้งก่อนนอน ลดอาการกรนได้จริง เคล็ดลับธรรมชาติที่ช่วยให้หายใจโล่ง หลับสบาย ไม่รบกวนคนข้างๆ

หยุดอาการกรนง่าย ๆ ด้วยการกินน้ำผึ้งก่อนนอน น้ำผึ้งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและช่วยเปิดทางเดินหายใจ ลดเสียงกรนและทำให้นอนหลับได้ลึกขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาการกรนหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

อาการกรนอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ และแม้แต่โรคหลอดเลือดสมอง อย่างไรก็ตาม มีวิธีง่าย ๆ ที่อาจช่วยลดการกรนได้ ด้วยการกินน้ำผึ้งหนึ่งช้อนก่อนเข้านอน ซึ่งถือเป็นอาหารมหัศจรรย์ยามค่ำคืนที่ช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการกรน หรือผู้ที่นอนข้างคนกรน สามารถพักผ่อนได้อย่างสงบมากขึ้น

“น้ำผึ้ง” กับคุณสมบัติต้านการอักเสบและลดอาการกรน

แม้ว่าจะมีวิธีแก้การกรนมากมาย แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับแนะนำว่า การกินน้ำผึ้งหนึ่งช้อนก่อนนอนเป็นวิธีง่ายแต่ได้ผล น้ำผึ้งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านจุลชีพที่โดดเด่น ช่วยบรรเทาอาการอักเสบในลำคอและลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อที่เป็นสาเหตุของเสียงกรน ทำให้ช่องทางเดินหายใจเปิดโล่งมากขึ้น และลดความเสี่ยงของการกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คุณสามารถกินน้ำผึ้งเพียวๆ หนึ่งช้อน หรือผสมน้ำผึ้งในน้ำอุ่น ชาคาโมมายล์ หรือชาขิงหลังอาหารเย็นและก่อนเข้านอน เพื่อสร้างกิจวัตรผ่อนคลายก่อนนอน ช่วยให้ร่างกายสงบและพร้อมเข้าสู่การพักผ่อน

ประโยชน์ของน้ำผึ้งต่อสุขภาพ

น้ำผึ้งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและมีสรรพคุณทางยา ช่วยบรรเทาอาการไอ ลดการระคายเคืองคอ สมานแผลไฟไหม้ และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความดันโลหิตและเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

น้ำผึ้งมีสารโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง เมื่อบริโภคในปริมาณเหมาะสมจะช่วยเพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระในเลือด โดยเฉพาะน้ำผึ้งสีเข้มมักมีปริมาณสารเหล่านี้มากกว่า

วิธีธรรมชาติลดการกรนเพิ่มเติม

นอกจากน้ำผึ้งแล้ว ยังมีวิธีธรรมชาติอื่นๆ ที่ช่วยลดการกรน เช่น การใช้น้ำมันหอมระเหยอย่างยูคาลิปตัสหรือเปปเปอร์มินต์เพื่อช่วยเปิดทางเดินหายใจ คุณอาจใช้เครื่องกระจายน้ำมันในห้องนอน หรือหยดลงในอ่างน้ำอุ่นก่อนนอนเพื่อช่วยให้หายใจโล่งขึ้น

การรับประทานอาหารต้านการอักเสบ เช่น ขมิ้น หรืออาหารที่มีโอเมกา-3 สูงอย่างปลาแซลมอน ช่วยลดการอักเสบในลำคอและอาจลดโอกาสการกรนได้ ควรรักษาเวลานอนให้สม่ำเสมอ ดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนักและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน เพื่อช่วยลดการกรนและปรับคุณภาพการนอนให้ดีขึ้น

แม้น้ำผึ้งจะมีประโยชน์ต่อหลายคน แต่ก็ไม่ใช่วิธีรักษาอาการกรนที่ได้ผล 100% หากมีอาการกรนรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษาที่เหมาะสม

สาเหตุของอาการกรน

อาการกรนเกิดจากการสั่นของเนื้อเยื่อในลำคอขณะนอนหลับ ซึ่งอาจทำให้ทางเดินหายใจตีบหรืออุดตันบางส่วน เมื่อกล้ามเนื้อเพดานอ่อน ลิ้น และลำคอคลายตัว การไหลของอากาศจึงแรงขึ้นและทำให้เกิดเสียงกรน สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่

น้ำหนักเกินหรือภาวะอ้วน ตั้งครรภ์ ภูมิแพ้ โรคหืด คัดจมูกจากหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ความผิดปกติของโพรงจมูก เช่น ผนังกั้นจมูกคด หรือมีติ่งเนื้อในจมูก ต่อมทอนซิลหรืออะดีนอยด์โต เพดานอ่อนยาวหรือลิ้นไก่ยาว ดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาบางชนิด การสูบบุหรี่ อายุที่มากขึ้น ท่านอนหงาย ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnoea)

การกรนอาจเป็นสัญญาณของโรคภูมิแพ้หรือโรคหืดทั่วไป แต่บางกรณีอาจเกี่ยวข้องกับภาวะที่ร้ายแรงกว่า คือ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งเป็นภาวะที่การหายใจหยุดชะงักระหว่างการนอน ผู้ป่วยมักกรนเสียงดังหรือมีเสียงสำลักเนื่องจากร่างกายขาดออกซิเจน ทำให้ตื่นบ่อยในตอนกลางคืน

ในกรณีรุนแรง การหยุดหายใจอาจเกิดขึ้นหลายร้อยครั้งต่อคืน หรือแม้แต่ขณะงีบกลางวัน ภาวะนี้เชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะอ้วน และเบาหวานชนิดที่ 2

อาการของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

ตามข้อมูลจาก NHS อาการส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นระหว่างนอนหลับ เช่น

การหายใจหยุดและเริ่มใหม่เป็นช่วงๆ มีเสียงสำลัก สะอึก หรือกรนดัง ตื่นบ่อยระหว่างคืน กรนเสียงดังมาก

ในเวลากลางวันอาจมีอาการดังนี้

รู้สึกง่วงหรือล้าอย่างมาก มีปัญหาในการจดจ่อหรือสมาธิสั้น อารมณ์แปรปรวน ปวดหัวเมื่อตื่นนอน

NHS ระบุว่า “การสังเกตภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วยตนเองอาจทำได้ยาก อาจขอให้คนอื่นช่วยสังเกตอาการขณะคุณนอนหลับ” และยังชี้ว่า ปัจจัยเสี่ยงของโรคนี้ ได้แก่:

ภาวะอ้วน มีลำคอใหญ่ อายุมากขึ้น (แต่เด็กและวัยรุ่นก็สามารถเป็นได้) มีประวัติคนในครอบครัวเป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ มีต่อมทอนซิลหรืออะดีนอยด์โต การนอนหงาย โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)

NHS แนะนำว่า “ควรพบแพทย์หากมีอาการสำคัญของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และควรให้ผู้ที่สังเกตเห็นอาการของคุณมาด้วย เพื่อช่วยอธิบายต่อแพทย์ เพราะโรคนี้อาจเป็นอันตรายหากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม”