เรียกได้ว่าเมื่อวานที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้เชิญตัวอดีตพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา
มาสอบปากคำในประเด็นเกี่ยวกับการโอนเงินจำนวนหลายล้านบาทให้กับ สีกากอล์ฟ จากการสอบสวนพบว่า
อดีตพระเทพพัชราภรณ์ได้นำเงินเก็บส่วนตัวโอนไปให้สีกากอล์ฟจำนวน 12.8 ล้านบาท และมีการนำเงินจากบัญชีของวัดอีกจำนวน 380,000 บาทไปโอนให้เพิ่มเติม
โดยมีทั้งการโอนผ่านโทรศัพท์และมอบเป็นเงินสด ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงกรกฎาคม 2567 อดีตพระเทพพัชราภรณ์ ให้การรับสารภาพว่า
สีกากอล์ฟ ได้ขอยืมเงินเพื่อไปลงทุนในธุรกิจเซรามิก โดยอ้างว่าต้องใช้เงินสั่งของประกอบธุรกิจ ด้วยความสนิทสนมและความไว้ใจ
จึงโอนเงินส่วนตัวให้เรื่อยมาจนหมดบัญชี เมื่อไม่มีเงินส่วนตัวเหลือ จึงนำเงินของวัดจำนวน 380,000 บาทไปใช้แทน ก่อนจะนำเงินจำนวนดังกล่าวคืนเข้าสู่บัญชีวัดภายหลัง
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการคืนเงินให้วัดในภายหลัง แต่เจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วว่าการกระทำความผิดได้สำเร็จแล้ว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาต่ออดีตพระเทพพัชราภรณ์ 2 ข้อหา ได้แก่
1. เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
2. เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157
ทั้งนี้ อดีตพระเทพพัชราภรณ์ ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ถือเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี พนักงานสอบสวนจึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างดำเนินคดี