เตือน! ผู้ป่วยไตเรื้อรังกินส้มมากเกินไป เสี่ยงโพแทสเซียมในเลือดสูง อันตรายต่อไตและหัวใจ
“ส้ม” เป็นผลไม้ที่หลายคนคุ้นเคยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ถ้ากินผิดวิธี อาจทำให้ไตได้รับความเสียหายได้
ล่าสุด โรงพยาบาลประชาชนที่ 2 เขตหยูหัง เมืองหางโจว ประเทศจีน ได้รับผู้ป่วยชายคนหนึ่งที่ไตวายรุนแรงมารักษา
เรื่องราวของผู้ป่วยชายวัย 41 ปี
นายจาง อายุ 41 ปี มีโรคไตเรื้อรังมานาน 6 ปี และต้องฟอกไตอย่างสม่ำเสมอเพื่อควบคุมอาการ สุขภาพโดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะไปตลาดกับครอบครัว เขาเห็นแผงขายส้มสดและน่ากิน จึงซื้อมาและกินส้มหลายลูกต่อเนื่องกันในครั้งเดียว
หลังจากกินส้มเสร็จ เขาเริ่มมีอาการเจ็บหน้าอก หัวใจเต้นเร็ว คนในครอบครัวเห็นอาการผิดปกติจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
ผลตรวจพบอะไร?
ผลตรวจเลือดพบว่า ระดับโพแทสเซียมในเลือดของเขาสูงผิดปกติถึง 7.4 มิลลิโมลต่อลิตร ขณะที่ค่าปกติอยู่ที่ 3.5-5.0
แพทย์วินิจฉัยว่าเกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูงจากโรคไตเรื้อรัง ซึ่งทำให้ไตเสียหายมากและเสี่ยงหยุดเต้นของหัวใจสูง
โชคดีที่เขาได้รับการฟอกเลือดและรักษาทันเวลา ทำให้อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทำไมกินส้มถึงส่งผลเสียกับไต?
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า ไตมีหน้าที่ควบคุมระดับโพแทสเซียมในเลือด แต่ในผู้ป่วยไตเรื้อรัง ไตไม่สามารถกำจัดโพแทสเซียมส่วนเกินได้ดี
ดังนั้น การกินผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น ส้ม ในปริมาณมาก จะทำให้โพแทสเซียมสะสมในร่างกายมากเกินไป ส่งผลให้ไตทำงานหนักและเกิดความเสียหายรุนแรง
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยโรคไต
ผู้ป่วยโรคไตควรระวังเรื่องอาหารและหลีกเลี่ยงผลไม้หรืออาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น ส้ม, กล้วย หรือผักโขม
ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เพื่อวางแผนการกินอาหารให้เหมาะสม และป้องกันโรคไตแย่ลง
หากมีอาการผิดปกติหลังรับประทานอาหาร เช่น เจ็บหน้าอก อ่อนเพลีย คลื่นไส้ หรือใจสั่น ควรรีบพบแพทย์ทันที
กูรูสหรัฐฯ พูดชัด 1 อาหารที่ “ไม่มีวันกิน!!!” เพราะแบคทีเรียเยอะมาก แต่คนไทยยังกินอยู่ ชายไม่ดื่ม-ไม่สูบ นอนตัวเหลืองรอ “เปลี่ยนตับ” หมอชี้ต้นเหตุ “น้ำโปรด” ที่ไม่ใช่เหล้าเบียร์!
การกินส้มอย่างถูกวิธีและเหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่มีโรคไต เพื่อป้องกันภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ การควบคุมอาหารและดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งจำเป็น