ฟังจากปาก แอน ทองประสม สถานะครอบครัว นัท มีเรีย ลั่นอยู่ข้างเพื่อนเสมอ ตอบปมวิกฤตช่อง 3 กระทบงานผู้จัดมั้ย? เผยเรื่องเอาสัตว์เข้าฉาก หลังกำลังมีดราม่าแมว
วันที่ 11 พ.ย.67 ผู้จัดและนางเอกคนสวย แอน ทองประสม เฉิดฉายพร้อมเครื่องประดับเพชรมูลค่า 125 ล้านบาท เข้าร่วมงานเฉลิมฉลอง “BEAUTY GEMS 60th Anniversary High Jewelry” ที่ ห้อง Napalai Grand Ballroom ชั้น 1 โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพมหานคร
จากนั้น แอน ทองประสม ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเรื่องสุขภาพของ นัท มีเรีย ที่ออกมาเผยว่าป่วยเป็นเนื้องอก รวมถึงข่าวลือสถานะครอบครัวของเพื่อนซี้ว่ายังแข็งแรงดีอยู่ไหม นอกจากนี้ผู้จัดคนเก่งยังได้พูดถึงวิกฤติช่อง 3 ที่มีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ว่ากระทบกับงานผู้จัดของตนเองหรือไม่ รวมไปถึงการทำงานที่ต้องเอาสัตว์มาเข้าฉากในละคร หลังเกิดเคสกับน้องแมวที่กำลังเป็นดราม่าดัง
ถามถึงเรื่องสุขภาพของเพื่อนสนิท ‘นัท มีเรีย’ ที่ล่าสุดออกมาบอกว่าป่วยเป็นเนื้องอก?
”ใช่ค่ะ เขาเป็นเนื้องอกมานานมากแล้ว เลยทำให้ตรงหน้าท้องมีป่องๆ นิดหน่อย เพราะแขม่วแล้วมันก็ไม่เข้า มันเป็นชนิดเนื้องอกของเขา จริงๆ เรื่องสุขภาพก็อัพเดตกันอยู่เรื่อยๆ ถามว่ามีอะไรน่าเป็นห่วงไหม คือคุณนัทเขาเป็นคนที่รู้ตัวเขาเอง แล้วเขาเป็นคนที่มีปัญหานี้มาตั้งแต่อายุ 16 ที่ผ่านมาเขาก็มีผ่าออกไปบ้างแล้ว รอบนี้ก็เหมือนกลับมาอีก หรือมันจะเป็นอันใหม่อันนี้แอนไม่แน่ใจ แต่มันก็จะมีระยะของมันว่าโตเต็มที่ไม่ได้เกินเท่านี้ ถ้าถึงเวลานั้นอาจจะต้องเอาออก คุณนัทเขาคงมอนิเตอร์ของเขาอยู่ว่าเขาถึงเวลาเมื่อไหร่ เพราะมันไม่ใช่ว่ามีปุ๊บแล้วจะไปตัดได้เลย คนเรามันไม่ได้ผ่าท้องกันได้บ่อยๆ ส่วนมากจะเป็นเนื้อร้ายไหม ด้วยความที่เขายังไม่ได้ผ่าออกเลยยังไม่รู้ อันนี้ก็ต้องรอไปถามคุณนัท แต่ ณ ตอนนี้เพื่อนก็ดูดีไม่ได้มีอะไร และไม่ได้บอกอะไรเราเพิ่มเติมค่ะ“
เป็นห่วงเพื่อนแค่ไหน ทั้งเรื่องอาการป่วย แล้วก็ข่าวลือเรื่องครอบครัวของเขาด้วย?
”เข้าใจๆ แต่คุณนัทเป็นผู้หญิงที่ผ่านประสบการณ์มาเยอะ แอนเชื่อว่าเขาตั้งรับได้ เขาแข็งแรงมาก ส่วนใหญ่เราไม่ได้ปรึกษาอะไรกัน แต่เราจะอัพเดตกันมากกว่า อย่างแอนก็ได้แต่บอกว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แอนอยู่ข้างนัทนะ คือหมายถึงอยู่ข้างๆ เขา ให้เขาบอกเราได้เลย แล้วถ้าเขาพร้อมเมื่อไหร่เดี๋ยวเขาโทรมาเอง บางทีเขาอาจจะหายไปก่อนสัก 4-5 วัน แล้วพร้อมเมื่อไหร่เขาก็จะโทรมา ซึ่งเป็นอย่างนี้ในทุกๆ เรื่องตั้งแต่เด็กแล้ว คือเราต้องปล่อยให้เขาจำศีลของเขาแป๊บนึง คุณนัทเขาเป็นคนที่สำเร็จเสร็จสรรพมาแล้ว ตัดสินใจมาแล้ว เขาถึงค่อยมาอัพเดตให้คนใกล้ตัวได้ยินจากปากเขาเอง”
ตอนนี้แฟนๆ สบายใจได้ใช่ไหมกับเรื่องที่หลายคนเป็นห่วงว่าครอบครัวเขายังแข็งแรงดีอยู่หรือเปล่า?
“เดี๋ยวรอให้คุณนัทมาพูดเองดีกว่า คือแอนก็เข้าใจสถานการณ์ของเขา แต่แอนอยู่ในจุดที่พูดอะไรแทนเขาไม่ได้เลย ตอนนี้ที่ทำได้ก็คือเป็นห่วงอย่างเดียว แล้วก็อยู่ข้างเขาเท่านั้นเองไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และเป็นเพื่อนเขาตลอดไป เร็วๆ นี้ก็จะนัดเจอกัน รอเขากลับจากไปชิลๆ ที่ต่างประเทศก่อนค่ะ”
วิกฤติช่อง 3 ที่มีการปรับโครงสร้างองค์กร กระทบกับงานผู้จัดของเราไหม?
“ในรายละเอียดภายในของช่องเราจะไม่ทราบ เพราะว่าเราไม่ได้เข้าไปอยู่ข้างใน แต่ในฐานะที่เราเป็นผู้จัดก็จะรู้แต่ว่าละครจะถูกคัดสรรค่อนข้างละเอียดขึ้น ไม่ได้ว่าอนุมัติได้ง่ายๆ ต้องนำเสนอกันหลายรอบนิดนึง ทุกวันนี้กว่าละครจะออกมาได้แต่ละเรื่องต้องผ่านหลายด่าน แต่ก่อนอาจจะเร็วกว่านี้ แต่ตอนนี้ก็จะช้าลงหน่อย อย่างตอนนี้ของเรามีอยู่ในกระบวนการที่เตรียมเสนออนุมัติ แต่ยังไม่ได้อนุมัติออกมานะคะ ปกติเราก็จะเสนอทีละเรื่องอยู่แล้ว แต่ที่เห็นว่าปลายปีเรามี 2 เรื่องชนกันเพราะว่าเป็นเรื่องที่มากองรวมกัน จริงๆ เราทำเสร็จไปตั้งนานแล้ว“
“ส่วนตัวมองว่ามันเป็นอะไรที่ดี เราก็เห็นด้วยกับมาตรการอะไรบางอย่างของช่อง ชัดเจนไปเลยว่าช่องอยากได้อะไร อยากให้เรานำเสนออะไร แล้วไม่ต้องการให้เราเอาอะไรออกมา ไม่แน่ใจว่าคาแร็กเตอร์ของแต่ละผู้จัดก็อาจจะได้โจทย์ต่างกันหรือเปล่า อย่างของเราก็จะเป็นรักโรแมนติก ถ้าเรานำเสนอแนวบู๊ไปเขาก็คงไม่อนุมัติ แต่ถ้าเป็นผู้จัดท่านอื่นที่ถนัดบู๊ช่องก็อาจจะอนุมัติก็ได้ เหมือนทางช่องคงอาจจะให้ผู้จัดแต่ละคนมีลายเซ็นคาแร็กเตอร์ของใครของมันที่ชัดเจนไปเลย”
นอกจากละครจะอนุมัติยากขึ้นแล้ว งบประมาณก็ลดลงเยอะด้วยไหม?
”ด้วยค่ะ อย่างเช่นไปต่างประเทศถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ไป แต่ว่าในคุณภาพที่ทำอยู่ก็เหมือนเดิม เพียงแต่อะไรที่เป็นค่าใช้จ่ายที่อาจจะยังไม่จำเป็นก็ยังไม่ทำ แต่โดยทางช่องก็รักษามาตรฐานในการทำงานอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอะไรที่ดูเป็นโปรดักชั่นที่ใหญ่มากเกินไป ที่ใช้เงินเยอะๆ ไม่จำเป็นก็เก็บไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยว่ากัน แต่ทั้งหมดมันก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงที่เราจะรับได้ เพราะเราไม่ได้เป็นคนที่ทำบิ๊กโปรดักชั่นอยู่แล้ว เราเป็นละครผู้หญิงที่ไม่ได้ตู้มต้าม แล้วก็ไม่ได้เป็นละครประวัติศาสตร์ใหญ่โต ถ้าอย่างนั้นอาจจะใช้เงินเยอะซึ่งอาจจะกระทบหนักหน่อย ส่วนเราก็ทำไปแบบนี้มินิมอลของเรา ซึ่งก็ยังอยู่ในจุดที่เรารับได้อยู่“
”ถามว่าทางออกของวิกฤตินี้คืออะไร ทางออกก็คือทุกคนต้องแข็งแรงถึงจะรอด คือเราต้องแข็งแรงจริงๆ ต้องทำให้อยู่หมัด และทำให้คนดูชอบจริงๆ ถึงจะรอดค่ะ“
ถามถึงกระแสเกี่ยวกับการเอาสัตว์มาเข้าฉากในละคร ที่ผ่านมาเราเคยต้องเจอเคสแบบนี้ไหม?
“เราก็เคยทำละครที่มีสัตว์เข้าฉากค่ะ ตอนนั้นเป็นน้องหมาในเรื่อง “อกเกือบหักแอบรักคุณสามี” แต่ว่าเขาก็เป็นหมาร่าเริงปกติ ไม่ได้ให้เขามาทำอยู่ในบทบาทที่พิเศษอะไร มันก็เลยไม่ได้มีปัญหา“
”ถามว่าเรามีมาตรการยังไงในการเอาสัตว์มาเข้าในฉาก กรณีของเราก็จะมีทางเจ้าของที่ต้องดูแลใกล้ชิด ส่วนสัตว์เองก็ต้องผ่านการตรวจมาแล้วว่าไม่ได้เป็นอันตรายกับใคร แล้วก็เป็นน้องหมาที่ได้รับการฝึก และมีใบชัดเจนว่าถูกเทรนมาอย่างดี ส่วนใหญ่เราจะไม่ได้เอาสุนัขหรือสัตว์ที่ไม่ได้มีประสบการณ์มาเข้าฉาก เพราะว่ามันคุมไม่ได้ ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะเราไม่ได้เอาเขามาทำอะไรที่ยุ่งยาก อีกอย่างเขาก็จะมีระยะของเขาที่โฟกัสได้แค่สั้นๆ เราต้องรีบถ่ายเขาก่อน แล้วเอาเขาไปเก็บ ให้เขาพักให้เขานอนแล้วออกมาใหม่ มันจะมีสูตรของมัน ซึ่งคนที่เป็นเจ้าของก็จะเป็นคนให้ข้อมูลเรา”
เคสกับน้องแมวล่าสุดที่เกิดขึ้น ค่อนข้างสะเทือนวงการละครเหมือนกัน ตรงนี้มันทำให้เราตระหนักอะไรมากขึ้นอีกไหม?
“แอนเข้าใจมุมมองของทุกฝ่าย สิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นอะไรที่เราได้ศึกษาเรียนรู้ว่าต้องระวังยังไง เพราะเราในฐานะที่ประสบการณ์น้อยกว่าผู้จัดท่านอื่นๆ ด้วย เรายิ่งต้องใส่รายละเอียดค่อนข้างเยอะค่ะ อย่างสมมติถ้าเราไม่รู้บางอย่างเราอาจจะพลาดก็ได้ แต่ว่าตอนนี้มันอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้แล้ว ถ้าจะทำอะไรที่เกี่ยวกับสัตว์ก็ต้องเรียนรู้ค่ะ“