Home บันเทิง “แหม่ม คัทลียา” เปิดใจวัย 52 ยอมรับเป็นแม่จอมย้ำ ขัดห้องน้ำทุกวันจนลูกรำคาญ

“แหม่ม คัทลียา” เปิดใจวัย 52 ยอมรับเป็นแม่จอมย้ำ ขัดห้องน้ำทุกวันจนลูกรำคาญ

16

จากซูเปอร์สตาร์ยุค 90 สู่แม่บ้านยุคใหม่ “แหม่ม คัทลียา” เปิดใจในรายการ WOOD FM ทุกมุมมองทั้งเรื่องครอบครัวและตัวเอง ชีวิตวัย 52 เผยเคล็ดลับเลี้ยงลูกแบบ Free Range ปล่อยแต่มีขอบเขต ยอมรับเป็นแม่จอมย้ำคิดย้ำทำขัดห้องน้ำทุกวันจนลูกบ่นรำคาญ!

ได้เห็นกระบวนการชีวิตพี่แหม่มตั้งแต่เป็นโสด แต่งงาน มีลูก ตอนนี้ลูกๆอายุเท่าไรกันแล้ว ?

แหม่ม คัทลียา : น้องแมค 20 คนกลางน้องคิน 15 น้องเนสซี่ 13 ค่ะ

เห็นในวันนี้ว่าชีวิตมันเร็วเหลือเกินจนบางทีตั้งตัวไม่ทันเกี่ยวกับบ้านตัวเอง ?

แหม่ม คัทลียา : เห็นจากลูกเลย ที่ผ่านมาเราทำงานก็ไม่ได้รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็ว ตั้งส่งลูกไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่โรงเรียนประจำ จนตอนนี้เข้ามหาวิทยาลัย ก็เลยรู้สึกว่าหรือว่าเราแก่ ยอมรับก็ได้แต่เราไม่ยอมแพ้นะ ตอนมีลูกก็เลยเข้าใจว่าที่ผู้ใหญ่เขาพูดว่าทำไมเวลามันผ่านไปเร็วเหลือเกิน เขาให้เรามองเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วนะคะไม่มีใช่เบบี๋ เขาคงอยู่ในวัยที่อยากให้รับรองว่าเขาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว เราก็จะต้องสะกดตัวเองเหมือนกันว่าเขาก็สอนเราว่าพูดเยอะมาก ซึ่งเราจะไม่หลอกตัวเอง ไม่เอาแต่ใจตัวเองด้วย เพื่อเรียกร้องสิทธิประโยชน์ว่าความเป็นแม่ ว่าคงบ่นเยอะจริงเดี๋ยวต้องปรับตัว เริ่มที่เราก่อนดีกว่า

ตอนไหนที่เริ่มเห็นว่าเด็กก็มีเหตุผลของเขาที่เราต้องเคารพ ?

แหม่ม คัทลียา : ไม่ได้เป็นใหญ่สุดในบ้านมาตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่ได้คิดว่าตัวเองใหญ่สุดนะ ไม่ได้แบบโอ้โหจะต้องมีกฎ บ้านนี้เลี้ยงแบบ Free Range ปล่อยอิสระเลย (หัวเราะ) โอเคบางอย่างเขาก็จะอย่าเรียกว่าย้อน เขาไม่ได้ย้อนเพราะเขาไม่ได้มีท่าทางก้าวร้าว แต่บางอย่างก็จะมีเหตุผลของเขา ยุคนี้ก็จะต้องมองว่าเขาแค่ชี้แจงความคิดเห็นว่าแล้วทำไมไม่ยังงี้ เราก็พยายามจะฟังแล้วก็บอกโอเค คือเราไม่ได้เลี้ยงเขาแบบ 1 2 3 4 เปิดกว้างให้ลูกได้อิสระในการใช้ชีวิต

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมีอะไรที่เราสามารถพิจารณาได้บ้างในการเลี้ยงลูกให้มีความรู้สึกที่อยู่ในโลก Free Range ?

แหม่ม คัทลียา : ไม่บังคับจนเกินไป อิสรภาพมันมาจากการที่ไม่ได้อยู่ในคอกไม่ได้อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมของเขา ก็คือมีพื้นที่แต่ก็มีขอบเขตที่ไม่ให้เขารู้สึกอึดอัดแล้วก็โดนกักขัง

เรื่องของการใช้โซเชียลใช้มือถือที่บ้านส่วนไหนที่เรามองว่าอันนี้ต้องละเว้นต้องวางก่อน ?

แหม่ม คัทลียา : ตอนทานข้าวไม่มีการจะมาถือมือถือ หรือมือถือวางไว้บนโต๊ะ No ห้ามมือถือเอามาที่โต๊ะทานข้าวเลย ห้ามมือถือ ห้าม iPad มานั่งวางตั้งอะไรอย่างงี้ไม่ได้

แนะนำหน่อยได้ไหมว่าเวลามีบทสนทนาเกิดขึ้น Flow ในการคุยแบบไหนที่จะทำให้เด็กอยากอยู่กับเรา ?

แหม่ม คัทลียา : เด็กๆ ชอบแกล้งกันมากกว่า ชอบแหย่ บางทีแม็กก็จะแหย่คินนี่ คินนี่ก็จะแหย่เนสซี่ เนสซี่แหย่แม็กอะไรวนกันอยู่อย่างนี้ ซึ่งมันก็เป็นไวป์ที่มีความสุข เราไม่ได้ต้องมานั่งโต๊ะทานข้าวเล่ามาสิวันนี้เรียนมา 7 วิชาเรียนอะไรบ้าง No เพราะเราก็ไม่ได้มาแบบนั้น ก็แล้วแต่ก็จะเล่าเรื่องตลกปกฮา จะเล่าเรื่องเพื่อนคนนั้น จะไปเล่นกอล์ฟ จะไปเทนนิสก็เล่ามา หรือแม้กระทั่งบางทีเขาก็แหย่พ่อ ล้อแม่ด้วยนะ คือเราไม่ได้ว่าโต๊ะทานข้าวจะต้องเป็นที่คุยเรื่องธุรกิจเรื่องงานเป็นจริงเป็นจัง ไม่จำเป็น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบางทีพ่อแม่คุยกันคุยกันเราก็ลืมไปว่าเด็กเขาอยู่ด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่คุยไม่ได้ พ่อแม่คุยได้และในบางทีเขาก็จะได้ซึมซับเรื่องที่เราคุยไปด้วย แล้วเราก็จะคุยเรื่องเขาด้วย คือมันก็ต้องเอาทุกคนเข้ามาเกี่ยว

เวลาที่เราอาจจะมีเรื่องราวที่ไม่เข้าใจกับสามีในบางเรื่องแล้วเกิดขึ้นต่อหน้าลูกในอดีตที่ผ่านมาในบางเรื่อง การสื่อสารของเราเป็นยังไงเพราะว่ามันเป็นแบบอย่าง ?

แหม่ม คัทลียา : เผอิญว่าเราเหมือนเพื่อนกันด้วย เป็นทั้งคนรักเป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งพ่อเป็นทุกอย่าง ถามว่ามีอารมณ์ขึ้นลงบ้างอะไรบ้างไหมมี แต่สิ่งที่เราพยายามจะทำที่สุดก็คือเอาเหตุผลเป็นที่ตั้ง ถ้าเกิดสมมุติว่ามีลูกอยู่ก็จะยังไม่ให้มันบานปลายไปไกล แล้วก็ค่อยมาคุยกันทีหลังว่าอันนี้ไม่ดีนะ เราไม่ควรจะทะเลาะกันต่อหน้าลูก แต่ถ้าเกิดถกเถียงบางอย่างที่มันไม่ใช่เป็นเรื่องที่ลูกมีสิทธิ์รับรู้ได้ ลูกก็สามารถเข้ามาเห็นด้วยได้ มันก็อยู่ที่อยู่ที่ดีกรีของของเรื่องมากกว่า

ตอนนี้คนโตไปในทางไหนเขาเจอหรือยังว่าชอบอะไร ?

แหม่ม คัทลียา : ถ้าเรียนเขาก็ชอบเรื่องตัวเลข เรื่องการเงิน เพราะถามว่าแม็กอยากเป็นอะไร อยากทำอะไรในอนาคต อยากประกอบอาชีพอะไร เขาบอกอยากรวย โอเคเงินอาจจะไม่ใช่สำคัญที่สุดแต่เงินจะอำนวยความสะดวกในชีวิตเราได้ดี อันนี้เราก็ต้องปฏิเสธไม่ได้

ลูกๆ ปรึกษาคุณแม่ไหมในเรื่องที่บางทีอาจจะไม่กล้าปรึกษาผู้ใหญ่ด้วยซ้ำไป เราโตมาบางเรื่องเราก็ไม่กล้าปรึกษาพ่อแม่ บ้านพี่เด็กๆ เป็นยังไง ?

แหม่ม คัทลียา : คุยกับแม่ทุกเรื่องนะคะ แชร์กับคุณพ่อทุกเรื่องเหมือนกัน คิดว่าด้วยวัยที่มีอยู่ตอนนี้เขาก็น่าจะคุยกับแม่ง่ายขึ้นหน่อยง่ายกว่าพ่อ เพราะบางทีพ่ออาจจะเป็นคนจริงจังแล้วก็ไม่ได้ต้องอย่างงี้ต้องอย่างงั้น เขาก็เลยจะบางอย่าง ลูกผู้ชายก็จะเลี้ยวมาทางแม่ก่อนว่าไปคุยกับพ่อให้หน่อย แต่พี่อย่างหนึ่งคือพี่ก็ชอบที่จะทำให้บรรยากาศในบ้านมันดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ให้เรายอมที่สุดก็ยินดี เพื่อให้ทุกคนมีความสุข เรายอมเสียสละ

Mindset ของเด็กเข้าไปในโซเชียลก็อาจเห็นอะไรที่มันเป็นลบก็ได้ เชื่อว่าพ่อแม่ก็ต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว อยากรู้ว่าคุยกันยังไงให้เขาพิจารณาให้เป็น ?

แหม่ม คัทลียา : เราก็ต้องอ้างอิงโรงเรียน เพราะโรงเรียนมันก็จะมีหลักสูตรที่เขาจะพอถึงเกรดนี้จะเริ่มสอน เริ่มแนะนำให้เป็นที่รู้จักทีละนิด แล้วก็มีวิธีการว่าภาพอาจจะไม่ได้เป็นภาพสมจริงมากก็อาจจะเป็นการ์ตูน แต่มันเป็นสิ่งที่เราควรจะต้องสอนให้ลูกค่อยๆเรียนรู้ไปตามวัย เพื่อเวลาเขาไปประสบปัญหาหรือไปเจอหรือไปเห็นอะไรแบบนี้ เขาก็จะได้มีการตัดสินที่ดีที่จะรู้ว่าต้องจัดการกับมันยังไง บางทีเราปิดกั้นมากเกินไป ถ้าเกิดเขาคิดเองได้ก็โชคดีไป แต่ถ้าเกิดเขาตบะแตกหรืออะไรแบบนี้เราควบคุมไม่ได้เลย

มีอยู่คำหนึ่งคือคำว่า OCD Obsessive Compulsive disorder ย้ำคิดย้ำทำในบางเรื่อง เลยไม่แน่ใจว่าการขัดห้องน้ำของพี่แหม่มเป็นหนึ่งในสิ่งที่ชอบ enjoy หรือว่าเป็นกิจวัตรมันคืออะไร ?

แหม่ม คัทลียา : ชอบทำความสะอาดบ้าน ถ้าว่างเลยก็ทำไปเรื่อยๆ บ้านมันไม่มีวันหยุดนะในการทำ มันมีเรื่องให้ทำทั้งวัน พี่เป็นคนทำหมดจนบางทีก็ลูกๆ ก็จะรำคาญ รู้ตัวด้วยแล้วก็ยอมรับด้วยแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ พี่เป็นคนชอบสะอาดก็ขัดไปเรื่อย ห้องน้ำใช้ทุกวันมันก็ต้องทำความสะอาด ถ้าเราทำทุกวันมันก็จะสะอาด พี่ก็บอกกับทุกคนเลย ลูกทุกคนแล้วก็สามีด้วยบอกว่า ทุกคนพรมทำไมเดินเข้าห้องน้ำแล้วมันจะต้องบิดๆเบี้ยวๆ มันก็วางของมันดีๆจะยืนยังไงให้มันอย่างงี้ ชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อยชอบสวยงาม

ถ้าพูดถึง แหม่ม คัทลียา ในวันนี้ก็เข้ามาสู่ครึ่งศตวรรษ ?

แหม่ม คัทลียา : ใช่ค่ะ 52 แล้ว ไม่อายที่จะบอกอายุเลย ว้าย! บอกไปเลยเจ็บน้อยกว่า เราอาจจะเคยละเลยสมัยเราสาวๆ เพราะเราไม่ค่อยดูแลตัวเอง ต้องขอบคุณ คุณพ่อคุณแม่ที่ให้ทุนเดิมมาดีใช้ได้ประมาณหนึ่ง ตากแดดสมัยก่อนกันแดดบ้างนิดๆหน่อยๆ ก็เห็นอยู่รอดมาได้ดีไม่เป็นไม่มีฝ้าอะไร แต่พอถึงอายุหนึ่งที่แบบมากันหมดเลยจ้าไม่ได้เชิญเข้ามาฝ้ากระจุดด่างดำใดๆ เริ่มด้วยอายุที่เราเริ่มรักตัวเองมากขึ้น ต้องออกกำลังกายจริงจัง ตอนนี้ก็มาฟิตชอบออกกำลังกาย เราก็ต้องอยู่เพื่อลูกให้ได้ ต้องห้ามเจ็บห้ามป่วยห้ามตายต้องแข็งแรงมีแรงบันดาลใจ รูปร่างสุขภาพที่ดีแล้วผิวพรรณก็ต้องดี ผู้หญิงก็ปฏิเสธไม่ได้หรอก พยุงให้มันอยู่ได้นานที่สุดต้องมาดูแลเรื่องผิวพรรณเรื่องความชุ่มชื้นของผิวเรื่องหน้าตาเรื่องสุขภาพผิวโดยรวมทั้งหมด