Home ข่าว ข่าวสังคม รู้แล้ววันหนึ่งต้องโดน! กัน จอมพลัง เปิดใจครั้งแรก หลัง ส.ส.ไอซ์ ตั้งคำถามเงินบริจาค

รู้แล้ววันหนึ่งต้องโดน! กัน จอมพลัง เปิดใจครั้งแรก หลัง ส.ส.ไอซ์ ตั้งคำถามเงินบริจาค

15

วันที่ 16 ตุลาคม 2568 นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ส.รักชนก ศรีนอก หรือ ส.ส.ไอซ์ พรรคประชาชน โพสต์ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเงินบริจาคของมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ และสอบถามถึงความสนิทสนมระหว่างตนกับนายธรรมนัส พรหมเผ่า จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนสื่อสังคมออนไลน์

นายกัณฐัศว์กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่เข้าใจเหตุผลที่อีกฝ่ายพูดถึงตน เพราะขณะนี้กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ชายแดน โดยไม่รู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายไม่พอใจคืออะไร จากที่จับประเด็นได้คือ อีกฝ่ายต้องการให้ช่วยเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตนก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะที่ผ่านมาเคยทำงานร่วมกับตำรวจไซเบอร์ในการผลักดันการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่แล้ว และสนับสนุนกิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงภัยของกลุ่มดังกล่าวมาโดยตลอด

สำหรับกรณีที่อีกฝ่ายระบุว่าอยากให้ตนช่วยติดต่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นายกัณฐัศว์กล่าวว่า ขอพูดจากใจโดยไม่ต้องการกระแนะกระแหนว่า ตนไม่เคยติดต่อท่านเป็นการส่วนตัว และในมุมของประชาชนมองว่านักการเมืองที่อยู่ในสภาน่าจะติดต่อได้ง่ายกว่าตน จึงไม่เข้าใจเหตุผลที่ต้องฝากให้ตนเป็นผู้ประสานงาน

นายกัณฐัศว์ยังกล่าวถึงโพสต์ของตนในช่วงเช้าวันเดียวกันว่า เป็นการตัดพ้อ เนื่องจากตื่นเช้ามาพบว่า แบรนด์ที่ว่าจ้างให้ไปไลฟ์สด 10 นาที มูลค่า 600,000 บาท ได้ยกเลิกงานไป ซึ่งตนเข้าใจว่าเจ้าของแบรนด์อาจไม่ต้องการให้เกิดกระแสข่าวในทางลบ เพราะตนเองก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่ต้องทำมาหากินและเลี้ยงดูครอบครัว พร้อมระบุว่าจะนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการทำงานไปสนับสนุนภารกิจชายแดน

ส่วนเรื่องเงินบริจาคของมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ นายกัณฐัศว์ชี้แจงว่า หากนับรวมรายจ่ายในปัจจุบัน จะมีเงินออกไปสนับสนุนภารกิจชายแดนแล้วกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งต้องตรวจสอบย้อนหลังถึงรายรับทั้งหมดตั้งแต่หลังเสร็จสิ้นภารกิจ ตึก สตง.ถล่ม เพื่อสรุปยอดเงินบริจาคที่แน่ชัด โดยหากมีการรวบรวมข้อมูลครบถ้วน จะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป

เขายืนยันว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ไม่ได้ถูกนำมาใช้ส่วนตัว เนื่องจากตนไม่มีอำนาจอนุมัติเบิกจ่ายใด ๆ และที่มักโพสต์ถามความคิดเห็นจากประชาชนก็เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเท่านั้น พร้อมย้ำว่าเงินส่วนที่ใช้ดำเนินภารกิจเป็นคนละส่วนกับเงินของมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ ซึ่งมีการส่งเอกสารยืนยันต่อกรมสรรพากรทุกปี สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน พร้อมระบุว่าตนทราบดีว่าวันหนึ่งอาจถูกโจมตีเรื่องนี้

สำหรับประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง นายกัณฐัศว์กล่าวว่า หากนักการเมืองไม่ชอบกันหรือมีปัญหากัน ก็ขออย่าดึงตนเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะเหตุการณ์เมื่อวานที่อีกฝ่ายแท็กหาตน ตนเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ แต่ภายหลังจึงทราบจากคอมเมนต์ว่าเป็นการปั่นและแซะ ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้คิดร้าย และพร้อมร่วมงานกับทุกฝ่าย

ในส่วนของกระแสที่เชื่อมโยงว่ารู้จักนายธรรมนัส พรหมเผ่า นายกัณฐัศว์กล่าวว่า ยอมรับว่ารู้จักกัน แต่สงสัยว่าทำไมเมื่อบางคนไม่ชอบนายธรรมนัส จึงต้องไม่ชอบตนไปด้วย ทั้งที่ตนไม่ได้ทำอะไรผิด พร้อมชี้แจงว่าในฐานะที่ทำงานช่วยเหลือสังคม ย่อมต้องประสานงานกับนักการเมืองหลายฝ่าย และรู้จักหลายคนตั้งแต่สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี บางคนแม้ปัจจุบันไม่มีตำแหน่งแล้วก็ยังพูดคุยให้กำลังใจกันต่อเนื่อง จึงไม่อยากให้โยงเป็นเรื่องทางการเมือง พร้อมย้ำชัดอีกครั้งว่า จะไม่เล่นการเมืองเด็ดขาด

ท้ายสุด นายกัณฐัศว์กล่าวว่า เพิ่งมีโอกาสเจอครอบครัวเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนหลังทุ่มเททำงานอยู่ชายแดนตลอดเวลา แม้จะถูกกระแสโจมตีแต่ก็ยังได้รับกำลังใจจากคนในครอบครัว และแม้จะรู้สึกเหนื่อยและหมดแรงใจบ้าง แต่เมื่อพร้อมแล้วก็จะกลับไปลงพื้นที่ทำงานต่ออีกครั้ง