จากกรณีที่ด้าน หนุ่ม ศรราม และ กุ้งพลอย กนิษฐรินทร์ ได้มีประเด็นกัน จนเกิดกระแสต่างๆตามมา เนื่องด้วยฝ่ายหญิงได้ยื่นฟ้องศรรามข้อหากีดกันไม่ให้พบลูกนั่นเอง โดย ด้านศรราม ก็ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า ถูกฟ้องเพราะอีกฝ่ายเรียกร้องอำนาจปกครองบางส่วนของลูก แต่ตนยืนยันว่าหน้าที่ของแต่ละคนได้ถูกกำหนดไว้แล้วหลังการหย่า โดยศรรามเป็นผู้มีอำนาจในการปกครองลูกแต่เพียงผู้เดียว

ล่าสุด กุ้งพลอย ได้เปิดใจกับสื่อมวลชน ถึงประเด็นนี้ด้วยว่า ขออนุญาตตอบในส่วนที่ตอบได้ ไม่กล้าก้าวล่วงการพิจารณาของศาล เพราะเคารพศาลมาก ตัดสินใจพึ่งพาศาลเพราะไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริง ๆ ไม่ใช่ไม่อดทน อดทนและยอมมาตลอด ไม่ได้แข็งข้อแต่แข็งแรงขึ้น มันเป็นปัญหาสะสม ตนชอบอะไรที่ชัดเจน ทำได้ตามที่พูด แต่ถ้าสิ่งไหนที่ไม่ชัดเจนและทำไม่ได้จริง ใช้วาทะกรรมอำพรางก็เลิกทำเถอะ ฟางเส้นสุดท้ายที่ตัดสินใจกฎหมายเกิดมาสักระยะแล้ว แต่ยอมที่จะอดทนในสิ่งที่พยายามเข้าใจ เพราะเรื่องของครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนกับลูก ไม่อยากจะมาฟาดฟันให้เหมือน 3 ปีที่แล้ว

ฟางเส้นสุดท้ายคือการติดต่อสื่อสารที่โดนบล็อก ไม่รับสายหลาย ๆ รอบ ข้อตกลง 6 ข้อหลังใบหย่าตอนนั้นยอมรับทุกอย่างเพราะเชื่อใจและไม่รู้กฎหมายมากนัก แต่วันนี้รู้กฎหมายแล้ว 6 ข้อหลังใบหย่ามันกว้างเกินไป การห้ามในสิ่งที่ตนขอ ซึ่งเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ลูกได้รับสิ่งดี ๆ ทั้งนั้น แต่ตนไม่เคยได้ อาทิ การพบเจอลูกที่เดิมเป็นเวลา 4 ปีกว่าแล้ว ขอเปลี่ยนสถานที่ก็ไม่ยอมให้ ลูกป่วยก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะแจ้ง ซึ่งพอพูดถึงเรื่องนี้ กุ้งพลอย น้ำเสียงสั่นเครือปนน้ำตาคลอเบ้า ก่อนจะเล่าต่อว่าถูกอดีตสามีบล็อกวิดีโอ ซึ่งอีกฝ่ายนึกอยากจะบล็อกตอนไหนก็บล็อก โดยไม่มีการแจ้งเหตุผล รวมถึงการไม่ให้เจอลูกร่วม 2 เดือนก็ไม่ได้แจ้งเหตุผลที่ชัดเจน นับตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ไม่ได้เจอลูกมา 8 เดือนแล้ว พยายามวิดีโอคอลไปแต่อีกฝ่ายก็ไม่รับ ยอมรับว่าเมื่อก่อนอารมณ์ปรี๊ดง่าย แต่ตอนนี้นิ่งขึ้นเพราะชินแล้ว สังคมอยากรู้ว่าเป็นเพราะอะไรอีกฝ่ายถึงทำเช่นนั้น ตนเองก็อยากรู้เหมือนกัน ล่าสุดที่เขาให้สัมภาษณ์น่าจะเป็นเหตุผล เขาอ้างว่าเราติดคอนเทนต์ไม่ดูแลลูก

ขออธิบายว่าวาทะกรรมอำพรางเกิดขึ้นได้ทุกกรณีในการเบี่ยงประเด็น ยืนยันว่าไม่ได้ทำคอนเทนต์ หากทำคอนเทนต์จริงต้องมีลูกออกมา แต่ก็เข้าใจเพราะชื่อเสียงที่ป่นปี้ทำให้คำพูดที่จะอธิบายของตนไม่มีน้ำหนักมากพอ ถ้าจะบอกว่าเจอลูกเฉย ๆ ไม่ต้องถ่ายรูปก็ได้ เช่นนั้นอีกฝ่ายก็ควรจะทำแบบนั้นเหมือนกันด้วย ใครกันแน่ที่ทำคอนเทนต์ลูกมากที่สุด เวลาจะพูดหรือให้สัมภาษณ์อะไรต้องมีหลักฐานด้วย หนึ่งคำพูดไม่สู้หลักฐานในมือ

ไม่คุยกับอดีตสามี เรื่องคดีให้เป็นหน้าที่ของทนายเป็นคนพูด ส่วนข้อเรียกร้องว่าตนอยากเลี้ยงลูกตั้งแต่วันศุกร์ – วันจันทร์ เป็นข้อเรียกร้องในศาล อีกฝ่ายเอาข้อมูลตรงนี้มาเปิดเผยเหรอ? ถามว่ากลัวลูกลืมหน้ามั้ย เพราะไม่ได้เจอกันนาน ยอมรับว่ากลัวแต่ก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว มั่นใจว่าลูกไม่ลืมหน้าแม่ จริง ๆ ช่วงวัยเด็ก – 7 ขวบ ลูกควรได้ใกล้ชิดกับแม่ แต่ใครทำให้ลูกไม่ได้ใกล้ชิดกับแม่

เชื่อว่าลูกเองก็อยากเจอแม่ ตนไม่กลัวกระแส เพราะไม่ได้สู้กันต่อหน้าสื่อ จะถูกหรือผิดใช้กระบวนการพิจารณาของศาลซึ่งอยู่ในขั้นตอนไกล่เกลี่ย วันที่ 10 ธ.ค.นี้จะไปขึ้นศาล เรื่องนี้จะไม่จบถ้าคนหนึ่งยังสร้างวาทะกรรมอำพรางให้อีกคน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแพ้ชนะ มันเกี่ยวกับการหาจุดตรงกลางให้ลูกมากกว่า ไม่ใช่พอลงจากศาลมาก็มาให้สัมภาษณ์.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here