นับเป็นอีกหนึ่งการสูญเสีย เมื่อกู้ภัยที่มาช่วยน้ำท่วมเชียงรายได้เสียชีวิตลงหลังปฏิบัติภารกิจ โดยได้มีผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ชื่อ Dolchanok Punyodyana ได้โพสต์ระบุข้อความว่า หลังเสร็จภารกิจเรากลับเข้าโรงแรมนั่งทานข้าวกัน มันเป็นอาหารที่อร่อยเอสทานเยอะมาก

เอสบ่นว่าตัวเองน่าจะกรดไหลย้อนขอตัวกลับห้องก่อน เราก็นั่งคุยกับลุงดิ๊บต่ออีกซัก 1 ชม. ก็แยกย้ายกันกลับห้อง ไม่นานลุงดิ๊บโทรมาว่าพี้ต้อยเอสไม่หายใจ เรากับน้องอีกคนวิ่งไปอย่างเร็ว ไปถึงพบเอสตัวเริ่มซีดหยุดหายใจ เราก็ทำ CPR น้องอีกคนวิ่งไปตามกู้ภัยเพราะในรีสอร์ทมีแต่กู้ภัยพัก มีน้องๆนับ 10 คนมาช่วยกันเอารถกู้ชีพพาไปส่ง รพ.แม่สาย แต่ด้วยเวลาที่หยุดหายใจนานเกินไปเอสได้จากพวกเราไปอย่างสงบ

ใครรู้จักลุงดิ๊บ,เอส จากมูลนิธิ ดิ อาร์ค ร่วมกันไว้อาลัยให้เพื่อนเราด้วยกัน

ต่อมาก็ได้มีการโพสต์ภารกิจสุดท้ายของลุงดิ๊บ ก่อนเสียชีวิต โดยได้ระบุข้อความว่า ภารกิจสุดท้ายของเอส คือนำร่างพิตบูลฝังให้เค้า แต่เร็วเกินไปกับเหตการณ์ครั้งนี้

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 15 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าที่วัดศรสะอาด บ้านห้วยซวก ต.บุฮม อ.เชียงคาน จ.เลย มีรอยพญานาคตัวใหญ่เลื้อยขึ้นมาจากแม่น้ำโขงเลื้อยมานอนคดอยู่ภายในวัด จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เป็นวัดประจำหมู่บ้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง มีชาวบ้านทยอยกันมาดูและจุดธูปไหว้ศาลปู่พญาศรีสัตตะนาคราช ที่ตั้งอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำโขง พบรอยพญานาคขนาดเท่าเสาไฟฟ้า เลื้อยไปตามทางเดินรอบองค์ศาลปู่พญาศรีสัตตะนาคราช และยังมีเลื้อยพญานาคขนาดเท่ากันอีก 3 รอบ ทั้งใหม่และเก่าอยู่ใต้กุฎิ พระปลัดโยธิน กตปุญโญ อายุ 44 ปี  รักษาการเจ้าอาวาสวัดศรีสะอาด

พระปลัดโยธิน กตปุญโญ เล่าว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย. เวลาเย็น ขฯทำวัตรเสร็จเวลา 19.00 น. มีชาวบ้านมาเดินดูน้ำที่แม่น้ำโขงหลังวัด แต่มาเจอรอยพญานาคขนาด 40-50 ซม. หรือเท่ากับต้นเสาไฟฟ้าอยู่ใต้ถุนกุฎิปู่พญาศรีสัตตะนาคราช ก็ไม่เชื่อเพราะไม่เคยเห็น นี่เป็นครั้งแรกที่เห็น รอยพญานาคเลื้อยขึ้นมาจากแม่น้ำโขงเมื่อวันที่ 13 ก.ย.67 จนมีรอยพญานาค จนมาวันที่ 14 ก.ย.. ก็พบรอยใหม่ จนมาเมื่อวานนี้ 15 ก.ย.67 ก็พบรอยใหม่พญานาคเพิ่มขึ้นเป็นรอยเลื้อยขนาดใหญ่ ซึ้งปรากฏให้เห็นมา 3 วัน  จากนั้นพญานาคเลื้อยขึ้นไปอยู่ที่ ศาลปู่พญาศรีสัตตะนาคราช ที่ตั้งอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำโขงถ้าเกิดปู่พญาศรีสัตตะนาคราช มาจริงๆ ก็อยากให้ปู่แสดงอภินิหาร ให้ญาติโยมมาจากทั่วสารทิศมาชม ว่าหลวงปู่มีจริงหรือไม่ และเชื่อว่าช่วงนี้แม่น้ำโขงขึ้นเยอะจนเอ่อท่วมพื้นที่ชาวบ้าน คาดว่าหนีน้ำขึ้นมาบนบกเพื่อรอน้ำลดกลับไปยังแม่น้ำโขง

ส่วนชาวบ้านที่ทราบข่าว เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง จึงรีบมาดูและจุดธูปไหว้ศาลปู่พญาศรีสัตตะนาคราช เพื่อขอโชคลาภมีโชค ต่างดูรอยพญานาคขดเป็นเลข 5 มา 3 ครั้ง เป็นเลข 83-38

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.เลย รายงาน

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ชื่อ กรทิพย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนสเตตัส มีใจความว่า “เอาข้าวมาแจกก็ทำให้มัน อร่อยๆ ดีๆ หน่อยนะคะ มีแต่ผัดผัก กะเพราหมู ข้าวเหนียวหมูทอด กินอยู่แค่นี้ รสชาติก็ไม่ได้เรื่อง เหมือนทำ แค่ให้ได้ภาพถ่ายว่ามาช่วยคน”
ต่อมาได้มีคนแคปข้อความและนำไปแชร์ต่อกันบนโลกออนไลน์ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในโซเชียล ต่อการโพสต์ข้อความดังกล่าว อีกทั้งต่อมามีผู้ใช้บัญชีติ๊กต๊อก ชื่อ newe202 ได้โพสต์ติ๊กต๊อก
พร้อมข้อความตอบกลับโพสต์ดังกล่าวว่า “ขอโทษที่ข้าวไม่อร่อย ขอโทษที่เอาข้าวไปส่งช้า ขอโทษที่ต้องลุยน้ำไป ขอโทษที่เอาข้าวใส่กล่องโฟมไปให้ ขอโทษที่ทำได้แค่นี้ขอโทษค่ะ”

ซึ่งต่อมามีชาวเน็ตเข้ามากดไลค์ ส่งหัวใจ กดแชร์ และเข้าชมเป็นจำนวนมาก โดยส่วนมากจะเข้ามาแสดงความคิดเห็นในลักษณะโจมตีผู้โพสต์ เช่น “ยามไม่มี ข้าวเปล่ากับน้ำปลายังอร่อยค่ะ
คุณอยู่ตรงไหนค่ะ!!! ไปว่ายน้ำหากินเอง, ไปค้นหา ชื่อนี่แปป หน่ออื่นน่าจะดีกว่านะ ปากแบบนี้, คุณ ค่ะ มีให้กินให้อิ่มท้องในสถานการณ์แบบนี้ก็นี้ก็ดี ป่ะค่ะ,
บ้านคุณ ไม่ต้องส่งส่งข้าวค่ะให้เค้าหาปลา ในน้ำกินเองข้าวคงไม่ถูกปาก, มารยามทรามมากค่ะ, หรือเค้าต้องการอาหารเม็ด…เป็นต้น
จนกระทั่งล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ กรทิพย์ เจ้าโพสต์ ได้ปิดเฟซบุ๊กไปแล้ว

วันที่ 12 ก.ย.2567 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.กิตติชัย ไกรนรา ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิต บริเวณถนนเทิดพระเกียรติ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมมูลนิธิประชาร่วมใจ

ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าร้านอาหารครัวไม้แกน พบรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีขาว สภาพชนกับแท่งปูนแบริเออร์ โดยมีผู้เสียชีวิตกระเด็นออกมาติดอยู่ที่ประตูรถ เจ้าหน้าที่พยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิต แต่ไม่สามารถช่วยได้

จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้เสียชีวิตคือ นายบุญเกียรติ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.ท่าไร่ และมีอาชีพให้เช่าเต็นท์โต๊ะเก้าอี้ตามงานต่างๆ ในนาม “เกียรติบริการ” โดยผู้เสียชีวิตเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านเพราะชอบช่วยเหลือชาวบ้าน

จากการสอบถามทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ออกมาจากบ้านเพื่อไปหาเพื่อน ถึงจุดเกิดเหตุถนนมืดและตรงกลางถนนมีแท่งปูนแบริเออร์ตั้งอยู่เป็นระยะทางยาว คาดว่าเสียหลักพุ่งชนจนรถพลิกคว่ำและผู้ตายกระเด็นออกมาครึ่งตัวเสียชีวิตดังกล่าว

วันที่ 15 ก.ย. 2567 สถานการณ์น้ำท่วมในจ.หนองคาย โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองและเขตเทศบาลเมืองหนองคาย เมื่อแม่น้ำโขงล้นเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ตัวเมืองไปแล้ว ล่าสุดเพจ เทศบาลเมืองหนองคาย รายงานระดับน้ำโขง จ.หนองคาย ประจำวันที่ 15 ก.ย.2567 ระดับน้ำโขง : 13.78 เมตร โดยประกาศธงสีแดง สภาวะน้ำอยู่ในเกณฑ์ที่มีความเสี่ยงอันตรายต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ให้อาศัยอยู่ในสถานที่ปลอดภัยและปฏิบัติตามข้อสั่งการ

ช่องทางการติดต่อเทศบาลเมืองหนองคาย สายด่วนเทศบาลเมืองหนองคาย 199 ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองหนองคาย โทร. 042-411000 ตลอด 24 ชั่วโมง และสอบถามข้อมูลและติดตามข้อมูลข่าวสาร เทศบาลเมืองหนองคาย โทร. 042-420762 หรือ 092-4240555

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม – CRSJ Foundation ได้โพสต์แชทข้อความของผู้เสียหายกรณีสาวสอบติดลำดับ 1 แล้วชื่อหายไป พร้อมระบุข้อความว่า ครูเบญ โต้ข่าวมั่ว ไม่จบเรื่อง

เรียนแจ้งพี่น้องสื่อและทุกท่านทราบครับ ตามข่าวที่ปรากฏข่าวจากบางสื่อว่า ครูเบญ ที่สอบติดลำดับ 1 แล้วชื่อหายไป ยินยอมหรือเสนอข้อเรียกร้องต่างๆจนมีการนำเสนอว่า เรื่องจบ นั้น มูลนิธิรณรงค์ฯได้คุยและสอบถาม ครูเบญ แล้ว ข้อเท็จจริงคือ ยืนยันว่าไม่ใช่ข่าวจริง และจะเดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมหาความจริงต่อไป

ข้อเท็จจริงคือ ทาง สพม. สระแก้ว ได้เข้าไปเจรจากับญาติเพื่อขอให้ จบเรื่อง และมีความพยายามว่าให้ ปิดข่าว จบเรื่อง โดยเสนอข้อเสนอต่างๆตามที่เป็นข่าว

ซึ่งวันจันทร์ที่ 16 นี้ เวลา 09:30 มูลนิธิรณรงค์ฯ จะพาน้องไปยื่นหนังสือร้องเรียนถึงท่าน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อหาความจริงต่อไป

ในนามมูลนิธิรณรงค์ฯ ขอเรียนต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งหลายที่ดำเนินการตามที่เป็นข่าว ไม่ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

หากกระบวนการดำเนินสรรหาของของคณะกรรมการท่านเป็นไปโดยสุจริตโปร่งใส ท่านไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องทำเช่นนี้

การกระทำที่เป็นไปตามกระบวนการไม่มีความจำเป็นต้องกังวลอะไรใดๆทั้งสิ้น

และขอให้ทราบว่า มูลนิธิรณรงค์ฯ จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด จนกว่าความจริงจะปรากฏ และทุกฝ่ายได้รับความยุติธรรม เพื่อไม่ให้วงการศึกษาไทยเกิดความเสียหาย

ข้อมูลจาก มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม – CRSJ Foundation

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ชื่อ กรทิพย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนสเตตัส มีใจความว่า “เอาข้าวมาแจกก็ทำให้มัน อร่อยๆ ดีๆ หน่อยนะคะ มีแต่ผัดผัก กะเพราหมู ข้าวเหนียวหมูทอด กินอยู่แค่นี้ รสชาติก็ไม่ได้เรื่อง เหมือนทำ แค่ให้ได้ภาพถ่ายว่ามาช่วยคน

ต่อมาได้มีคนแคปข้อความและนำไปแชร์ต่อกันบนโลกออนไลน์ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในโซเชียล ต่อการโพสต์ข้อความดังกล่าว อีกทั้งต่อมามีผู้ใช้บัญชีติ๊กต๊อก ชื่อ newe202 ได้โพสต์ติ๊กต๊อก พร้อมข้อความตอบกลับโพสต์ดังกล่าวว่า ขอโทษที่ข้าวไม่อร่อย ขอโทษที่เอาข้าวไปส่งช้า ขอโทษที่ต้องลุยน้ำไป ขอโทษที่เอาข้าวใส่กล่องโฟมไปให้ ขอโทษที่ทำได้แค่นี้ขอโทษค่ะ

ซึ่งต่อมามีชาวเน็ตเข้ามากดไลค์ ส่งหัวใจ กดแชร์ และเข้าชมเป็นจำนวนมาก โดยส่วนมากจะเข้ามาแสดงความคิดเห็นในลักษณะโจมตีผู้โพสต์ เช่น “ยามไม่มี ข้าวเปล่ากับน้ำปลายังอร่อยค่ะ คุณอยู่ตรงไหนค่ะ ไปว่ายน้ำหากินเอง, ไปค้นหา ชื่อนี่แปป หน่ออื่นน่าจะดีกว่านะ ปากแบบนี้, คุณ ค่ะ มีให้กินให้อิ่มท้องในสถานการณ์แบบนี้ก็นี้ก็ดี ป่ะค่ะ, บ้านคุณ ไม่ต้องส่งส่งข้าวค่ะให้เค้าหาปลา ในน้ำกินเองข้าวคงไม่ถูกปาก, มารยามทรามมากค่ะ, หรือเค้าต้องการอาหารเม็ด เป็นต้น

จนกระทั่งล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ กรทิพย์ เจ้าโพสต์ ได้ปิดเฟซบุ๊กไปแล้ว

วันที่ 14 ก.ย.67 นายธนเดช พระอารักษ์ นายอำเภอเบญจลักษ์ พร้อมด้วยสมาชิก อส.สังกัด ร้อย.อส.อ.เบญจลักษ์ 18 นายธงไชย ชุมคำ ผู้ใหญ่บ้าน บ้านโนนคำตื้อ หมู่ที่ 4 และนายสำเนียง พื้นพรม ผู้ใหญ่บ้าน บ้านโนนคูณน้อย หมู่ที่ 11 ต.หนองหว้า อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ลงพื้นที่ตรวจสอบและติดตามการซ่อมแซมถนนทางเลี่ยงสะพานห้วยสร้าง

เนื่องจากพบว่าถนนทางเลี่ยงสะพานข้ามห้วยสร้าง ได้รับความเสียหายเนื่องจากฝนตกติดต่อกันหลายวัน และทำให้มีน้ำไหลบ่ากัดเซาะถนนขาด ทำให้ประชาชนไม่สามารถสัญจร ไป – มาได้

นายธนเดช พระอารักษ์ นายอำเภอเบญจลักษ์ กล่าวว่า สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาตนประสานผู้รับจ้าง และช่างคุมงาน ดำเนินการซ่อมแซมถนนส่วนที่ขาดกลับมาสัญจรได้ แนะนำให้ผู้รับจ้างและช่างคุมงานเปิดช่องระบายน้ำเพิ่ม เพื่อให้น้ำระบายได้ดียิ่งขึ้นและนำหินกรวดมาเทพื้นถนนเพิ่ม

อีกทั้งตนยังติดตามการซ่อมแซมถนนทางเบี่ยงสะพานข้ามห้วยสร้าง ที่ บ้านโนนคำตื้อ หมู่ที่ 4 ตำบลหนองหว้า อำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยผู้รับจ้างและช่างคุมงาน ได้นำดินมากลบพื้นถนน โรยด้วยปูนซีเมนต์ และหินกรวด ใช้รถเกรดดินให้เรียบและรถแบ๊คโฮรับพื้นดินอัดดินให้แน่น จนรถสามารถเดินทางสัญจรได้สะดวกตามปกติ

วันที่ 15 ก.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังฝนตกลงมาอย่างหนัก ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้เกิดเศียรพระนอนขนาดใหญ่ ที่วัดพระธาตุดอยสะเก็ด เกิดหักสะบั้นลงมา คาดว่าเกิดจากปูนซีเมนต์รับน้ำหนักไม่ไหว

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบมีการนำผ้าสแลนสีเขียว ปกคลุมบริเวณเศียร และทำเป็นรั้วสูงนับ 10 เมตร ล้อมรอบบริเวณด้านนอกอีกชั้น โดยมีคนงานหลายคนกำลังทุบรื้อเศษปูนอยู่ภายในรั้วกั้นดังดังกล่าว

โดยขณะที่ถ่ายภาพนั้นทางพระลูกวัดที่ดูแลบริเวณนั้น มาขอร้องไม่ให้มีการถ่ายภาพอย่างเด็ดขาด เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเศียรพระที่ขาดตกลงมา ทางพระลูกวัดบอกว่าไม่มีอะไร โดยอธิบายว่าเกิดจากความผิดพลาดของช่างที่ก่อสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ว่าได้สร้างผิดรูปแบบ ไม่อยากให้เรื่องนี้เผยแพร่ออกไป เพราะจะทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกคิดว่าเป็นเรื่องอาถรรพ์

อย่างไรก็ตามจากการสอบถามไปยังส่วนที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลว่า คอพระพุทธศากยมหามุนีศรีเวียงพิงค์ หรือพระพุทธไสยาสน์ปางเสวยสุข ที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2563 แล้วเสร็จ กลางปี 2567 มีความยาว 59.99 เมตรมีความงดงามมาก เพิ่งมีการการประกอบพิธีบวงสรวงเบิกเนตร และบรรจุหัวใจ ในช่วงสายของวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมาเป็นพิธีใหญ่ มีพุทธสานิกชนและผู้มีชื่อเสียงมาร่วมพิธีจำนวนมาก

แต่เมื่อช่วงเวลา 05.30 น.ของวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา เกิดเหตุอุบัติเหตุไม่คาดฝัน และเดชะบุญเกิดในเวลากลางคืน ที่บริเวณพระศอแตกร้าวก่อนที่พระเศียรจะแตกและหักลงมากระแทกพื้นจนแตก เสียงดังสนั่น พระเณรออกมา และแจ้งให้ พระราชโพธิวรคุณ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง และเป็นเจ้าคณะอำเภอดอยสะเก็ดรับทราบ

ซึ่งทางวัดเกรงจะเป็นที่แตกตื่นกับพุทธสานิกชน จึงให้รีบนำสแลนมาบกปิดส่วนพระเศียรที่แตกหักไว้ และได้ขอร้องไม่ให้เป็นข่าวออกมา เพราะเกรงว่าจะเป็นเรื่องอาถรรพ์ทำให้แตกตื่นกัน อย่างไรก็ตาม มีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและไทใหญ่รวมทั้งนักท่องเที่ยวได้เห็นในช่วงเช้าจึงสอบถามกัน

โดยชาวบ้านในอำเภอดอยสะเก็ดบางคนที่ทราบข่าวได้วิจารณ์ว่าน่าจะเกิดจากปัญหาโครงสร้าง ที่อาจใช้เหล็กขนาดเล็กไม่สามารถรับน้ำหนักของเศียรพระได้ ทำให้เกิดการแตกหักและพังทลาย และ บางคนบอกว่าอาจเป็นลางบอกที่อาจเกิดขึ้น หากเกิดอุบัติเหตุในช่วงวันที่มีพิธีบวงสรวงเบิกเนตร มีผู้มาร่วมพิธีนับพันคนจะเกิดอันตรายขึ้นได้

อย่างไรก็ตามทางวัดยังไม่มีใครออกมาให้ข่าวในเรื่องนี้ ส่วนองค์พระพุทธรูปที่เสียหายอยู่ในระหว่างประกันทางช่างรับเหมาจะต้องรับผิดชอบเร่งบูรณะให้กลับคืนมาโดยเร็วเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้พุทธสานิกชนที่รู้เห็นเหตุการณ์ในครั้งนี้

วันที่ 15 กันยายน 2567 มีรายงานว่า สาวกู้ภัยนนทบุรี เสียชีวิตแล้วจากเหตุรถกู้ภัยพุ่งลงข้างทางขณะกลับจากภารกิจช่วยน้ำท่วมเชียงรายจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 5 คน ขณะนี้อีก 3 คนยังสาหัส และปลอดภัยแล้ว 1 ราย

โดยอุบัติเหตุรถกู้ภัยพุ่งลงข้างทางเมื่อช่วงเช้าวันที่ 15 กันยายน 2567 ได้รับรายงานพี่น้องกู้ภัยอยู่ในระหว่างกลับจาก จ.เชียงรายเกิดอุบัติเหตุ รถลงข้างทาง ชนต้นไม้ บริเวณบ้านยางห้าหลุม ถ.สาย117 ขาร่อง ตำบลเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร บาดเจ็บ 5 ราย (ดำ 1 ราย แดง 3 ราย เขียว 1 ราย ) กู้ชีพ

-กู้ภัยในพื้นที่ให้การช่วยเหลือส่ง รพ. ใกล้เคียง พื้นที่ สภ.หนองโสน

เพิ่มเติม จากการประชาสัมพันธ์กับทางโรงพยาบาล

– โรงพยาบาลสามง่าม 3 ราย ทราบชื่อ

รายที่ 1. ธนพร อาการ เจาะปอด

รายที่ 2. จุฑามาศ อาการ แน่นหน้าอก

รายที่ 3. จันทิมา (เสียชีวิต)

– โรงพยาบาลวชิรบารมี 2 ราย ไม่ทราบชื่อ

รายที่ 1. อยู่ใน icu

รายที่ 2. รู้สึกตัวดีถามตอบรู้เรื่อง