ทราย เจริญปุระ ขอบคุณ น้องแมว คอยช่วยฮีลใจ เผยหยุดยาซึมเศร้ามา 3 ปี เลิกดื่ม ยอมหักดิบทุกอย่าง เพราะกลัวตาย
หลังจากหยุดกินยาซึมเศร้ามาได้ 3 ปีแล้ว นักแสดงสาว ทราย อินทิรา เจริญปุระ เผยด้วยรอยยิ้มสดใส สดชื่นขึ้นมาก ตอนนี้หายขาดจากโรคซึมเศร้าแล้ว ซึ่งกว่าจะหลุดจากช่วงเวลานั้นมาได้ เธอบอกหนักหน่วงเหมือนกัน ต้องหักดิบทุกอย่าง เพราะกลัวตาย เลิกดื่ม ลดน้ำหนัก หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น พยายามรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง และยังโชคดีที่มีน้องแมวคอยช่วยฮีลใจ
อัพเดตอาการโรคซึมเศร้า ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? “หยุดยามาเข้าปีที่ 3 แล้วค่ะ คือจริงๆ หนังเรื่อง 4 Kings II ถ่ายก่อนจะได้ฉายประมาณปีหนึ่ง แล้วเหมือนปิดตัวละครเราเป็นความลับยังไม่ได้เห็นจนวันที่ฉายเลย มันเลยดูเหมือนเป็นโพรเซสที่ซ้อนกันอยู่ระหว่างช่วงที่เราหยุดยาซึมเศร้าจนมาถึงอันนี้
อย่างที่บอกไปว่าตอนแรก ไม่มั่นใจเลย มันเหมือนว่าพอเราหยุดยาไป สิ่งที่เราเคยทำได้ สมาธิเวลาอยู่ในกองมันจะทำได้เท่าเดิมมั้ย เพราะบทมันค่อนข้างดราม่าอย่างที่เคยเห็น เราก็จะระแวงว่าถ้าเล่นปล่อยสุดไปแล้วมันจะดึงกลับมาไม่ได้หรือเปล่า รวมถึงตอนนั้นที่ทำงานกับพี่แหลมซึ่งเขาก็มีภาวะอะไรในชีวิตของเขาอยู่ เรียกว่าดูเป็นสองคนที่เหมือนไม่ค่อยเสถียรกันทั้งคู่แล้วต้องมาเจอ แต่ก็คิดว่าได้แหละ ผู้กำกับฯ ก็บอกว่าพวกพี่ทำได้ ผมเชื่อ แล้วเราก็ไปบอกพี่แหลมว่าพี่แหลมทำได้ พี่แหลมทำดี เราเชื่อพี่แหลมเหมือนกัน”
จุดไหนที่รู้สึกว่าเราโอเคแล้ว? “จริงๆ พอไปเข้ากองแล้ว ซีนแรกๆ ที่ถ่ายคือซีนที่เจอพี่บิ๊ก ดีเจอร์ราร์ด แล้วรู้สึกว่ามันก็อิมโพรไวส์ได้นะ มันก็เหมือนเดิม สุดท้ายแล้วทรายว่าบรรยากาศในกองถ่ายมันเป็นสิ่งที่เราคิดถึงที่สุดเลย พอมันได้กลับมาอีก เออ นี่แหละ คือชีวิตเรามันอยู่ตรงนี้ มีคนเดินไปเดินมา ทำไฟ วางกล้อง ทรายว่าจริงๆ แล้วที่มันหายไป แล้วมันทำให้เรามั่นคงได้มากขึ้นคือการได้กลับไปสู่ในพื้นที่กองถ่ายอีกครั้ง ได้เจอผู้คนหน้ากองที่เราอยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิตอีก”
3 ปีที่ไม่ได้กินยาอีกเลย เป็นยังไง? “ตอนนี้โอเคค่ะ แต่ทรายก็ต้องบอกว่านอกจากหยุดยาแล้ว ทรายต้องปรับชีวิตหลายๆ อย่าง คือเลิกดื่มเหล้าไปเลย มันก็เสถียรขึ้น อายุมากขึ้นมันก็ต้องดูแลตัวเองไปในอีกทางด้วย”
ทำไมถึงยอมหักดิบทุกอย่างได้ เพราะอะไร? “มันจะตายค่ะ (หัวเราะ) กลัว คือตอนนั้นเรากินยาซึมเศร้าด้วย แล้วก็ดื่มใช้ชีวิตอย่างนั้นจนน้ำหนักตัวเราเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วเราก็ผ่าคอมา คือไปผ่าคอมานานแล้วล่ะ หมอที่ดูแลก็บอกว่าน็อตมันก็มีข้อจำกัดของมัน ถ้าจะปล่อยให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มันจะมีผลแล้วกับอุปกรณ์ที่เราใส่ทดแทนกระดูกไป ก็เลยต้องลดน้ำหนัก พยายามจัดการให้มันเข้าระบบมากที่สุด”
ทั้งไม่ได้กินยาและไม่ได้กินเหล้า เป็นยังไง? “ยังดีว่ามีแมวค่ะ ที่คอยฮีลใจ ช่วยจัดตารางชีวิตให้เรา เพราะจริงๆ ช่วงที่หยุดมันเป็นช่วงเริ่มๆ โควิด ทุกอย่างมันหยุดหมดเลย กองก็หยุดอะไรใดใดก็หยุด (กลัวซึมเศร้าจะกลับมาอีก?) เออ มันหลอนเหมือนกันนะ มันคิดหลายสิ่งหลายอย่าง ปกติมียาก็กินยาแล้วนอนไป แต่ทีนี้ยาก็ไม่มี จะออกไปตี้ก็ไม่ได้ ไม่ เราต้องไม่กิน ก็โอเค ต้องขอบคุณแมว(ยิ้ม)”
สุขภาพตอนนี้เป็นอย่างไร? “แข็งแรงมากค่ะ ก็ทั้งปีเพิ่งมาป่วยเนี่ย โควิดไม่เป็น เป็นหวัดเฉยๆ เกิดอะไรขึ้นกับสภาพร่างกาย (เราเฮลตี้ขึ้น ดูสดใส?) ใช่ ทรายว่ามันคือพลังในการจะทำนู่นทำนี่ มันดีขึ้น มันเสถียรขึ้น รู้สึกสดชื่นขึ้นต้องบอกแบบนี้”
ก่อนหน้านี้ที่กินยาซึมเศร้ามานานกี่ปี? “โห คือเรากินมาตั้งแต่ช่วงอายุ 36-37 ค่ะ แล้วก็หยุดไปแป๊บนึง แล้วก็กลับมากินต่อ ปีนี้เรา 43-44 ก็คือหยุด นั่นแหละกินมานานเกือบๆ สิบปีเหมือนกัน”
ตอนนี้หายขาดแล้ว? “ใช่ค่ะ หาย จากปีแรกๆ ที่หมอบอกสแตนด์บายยาฉุกเฉินไว้หน่อยมั้ย เผื่อปุ๊บปั๊บอะไรขึ้นมา แต่ตอนนี้ไม่กินแล้วจ้า พกอย่างเดียวก็คือยาดม (หัวเราะ)”
แล้วเราจัดการอารมณ์ยังไง ถ้าในช่วงที่อารมณ์ดิ่ง? “พยายามรู้ให้ทันตัวเองค่ะ อาจจะเป็นข้อได้เปรียบนิดนึงว่าเป็นนักแสดงใช่มั้ย มันจะเหมือนเราได้สำรวจพื้นที่ทางอารมณ์อยู่เรื่อยๆ แต่ก่อนก็อาจจะอินไปเลย อินให้เต็มที่ไปเลยอ่านหนังสืออะไรก็อิน ดูหนังอะไรก็อิน ดูบ้าดูบออะไรเขาจะร่ำไห้ฉันก็จะร่ำไห้ไปด้วย เดี๋ยวฉันก็กลับบ้านไปกินยา แต่ว่าทุกวันนี้อะไรที่เรารู้สึกว่ามันสะเทือนเรามากเกินไป ไม่คุ้มค่ากับสติอันมั่นคงของเรา เราก็จะไม่ดู คืออยู่ๆ จะไม่ไปนั่งดูหนังที่มันเครียดมากๆ บีบมากๆ แต่ว่าถ้าให้เล่น โอเคเรารู้ว่ามันคือหน้าที่ที่เราเป็นตัวละครบทบาทอยู่ในนั้น เราก็จะโอเค (รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองมากขึ้น?) ใช่ มันเป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่ จริงๆ หมอก็ให้หัดมาตั้งแต่ตอนเริ่มๆ กินยา ถ้าคุณไม่อยากกินยาตลอดชีวิต คุณต้องหัด”
มีคนมาปรึกษาเยอะมั้ย? “ก็มีคนถาม ทรายเชื่อว่าทุกคนอยากหยุดยาหมดแหละ ไม่มีใครอยากกินไปตลอดชีวิตหรอก เพราะว่ามันใช้ชีวิตได้แต่เราก็ไม่ได้เป็นเรา เราไม่รู้ว่าจริงๆ เราโอเคเพราะยา หรือเราโอเคเพราะตัวเอง ก็มาถามได้ มีคนทักมาถามเรื่อยๆ ทรายทำเพจคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ คนก็จะทักมาถามเรื่อยๆ แต่ว่ามันเป็นกระบวนการที่อาจจะยาวนาน สั้นยาวไม่เท่ากันสำหรับแต่ละคน แต่ว่ามันจะต้องมีการเปลี่ยน คุณจะไม่ทำอะไรเลย ฉันจะเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง ฉันจะหยุดยาไปเอง มันก็ไม่ได้ ก็ต้องพบกันแบบครึ่งทาง”.